Sunday, March 29, 2009

ไส้หมูทอดที่ ฮั้วโภชนา

ไม่น่ากินเท่าไหร่เลยแต่ว่าดันกินไปแล้วล่ะ ... "ไส้หมูทอด" อาหารที่อุดมๆไปด้วยไขมัน แต่ว่าเอาเถอะคิดซะว่าก่อนที่จะกินเราไปวิ่งมา 24 นาทีติดต่อกันแล้ว (ไม่รู้ว่ามันจะ cover ได้เหรอป่าวนะนั่น) ร้านที่ไปกินมาตอนเย็นคือ "ฮั้วโภชนา" ร้านนี้ทำอาหารได้อร่อยเอามากๆ ใช้ฝีมือทำมาตั้งแต่ร้านมันยังอยู่ที่แถวพระประแดง เป็นร้านห้องแถวข้างถนนยันตอนนี้เปิดเป็น area ส่วนตัวมีที่จอดรถเป็นของตัวเองอีกตะหากนั่น . IMAGE_110 IMAGE_111

กินห่านร้านจินตนาแถวบ้าน : พระประแดง อาหารที่กินประจำเที่ยงวันอาทิตย์

พิมพ์ไปพิมพ์มาเหมือนกับ blog นี้เพื่อการบันทึกร้านอาหารที่ไปกินประจำๆยังไงอย่างงั้นเลยนะเนียะ แต่ว่าช่างเถอะ ก็แรกๆก็แบบนี้น่ะหละครับ มันอยากพูดพิมพ์เรื่องกินเก็บเอาไว้น่ะหละมันก็เป็นปัจจัยหลักๆเหมือนกันว่าทำไมมันต้องแยกตัวออกมาจาก rackmanagerpro.com ยังไงล่ะครับ

ร้านนี้ชื่อร้านจินตนาเป็นร้านขายห่าน! ไม่ได้เป็นเป็ดเหมือนกับที่คนปกติคิดกัน ห่านกับเป็ดมันต่างกันตรงที่ขนาดของตัวมันแล้วก็เนื้อของมันครับ แต่ว่ามันไม่ได้ต่างขนาดหมูกับเนื้ออย่างงั้นน่ะครับ (เนื้อมันจะมีกลิ่นส่วนตัวแต่ว่าหมูไม่มี) ห่านจะดูว่ามัน hi-end กว่าหน่อยๆ เพราะว่าเวลากินจะรู้เหมือนกับว่าหากินยาก (แน่หละครับหัวเรามันจะติดภาพว่า ถ้าหากว่าหายากมันก็จะดูดีมีราคากว่าตามธรรมชาติ) ผมรู้ว่าบางคนก็คิดว่า น่าสงสารออกตัวใหญ่แบบนั้นแล้วก็ไปเอามันมากินแหม ถ้าคิดแบบนั้นผมว่านะ อาจจะคิดอีกแบบได้เหมือนกันก็คือว่าแค่ 1 ชีวิตที่เท่ากันมันเลี้ยงคนให้อิ่มท้องได้กว่า นั้นแปลว่า กินช้าง หรือว่ากินปลาวาฬได้จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของกาคคิดแบบนี้

กลับมาเรื่องร้านห่านดีกว่า ร้านนี้อยู่แถวบ้านผมเอง คือ แถวพระประแดง ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้วทำให้ร้านนี้เหมือนจะเป็นร้านประจำร้านหนึ่งที่ผมจะพาอาม่าไปกินตอนที่กลางวันไม่ได้มีคนอื่นอยู่แล้วผมอยู่บ้านพอดี กินก็เร็ว สั่งเร็วกินเร็วไปเร็วกว่า fastfood ทุกประเภทที่เคยเห็นมาเพราะว่า พอเขาไปถึงเค้าก็แค่ถามว่ามีกี่คนที่มา เค้าก็จะสับห่านทันทีไม่ได้ต้องสั่งห่านเลย เพราะเป็นภาคบังคับทุกโต้ะจะต้องมีห่าน ถ้าไม่เอาห่านนั่นหละครับ ต้องสั่งเค้าครับว่า “ไม่เอาห่านนะ”

ผมว่าผมก็ผูกพันกับร้านนี้พอสมควรเลยมันเป็นร้านๆนึงที่มากินเป็นมื้อกลางวันวันอาทิตย์ร้อนได้สะดวกที่สุดเท่าที่ผมหาได้ มันเหมือนกับไม่มีอะไรจะกินก็กินที่นีได้ เร็วสะดวกเอามากๆน่ะครับ

IMAGE_106 IMAGE_107
จะเห็นได้ว่าราคาๆก็จะออกแนวกลางๆไม่ได้แพงเวอร์แต่ว่ามันก็ไมได้ถูกน่ะครับแบบนี้ เวลาไปถึงไม่ต้องสั่งหรอกว่าเอาไซท์ไหนเค้าจะจัดมาให้เองครับ
IMAGE_108 
ตอนนี้โตแล้ว แล้วคนกินก็มีแต่พวกที่โตๆกันแล้วทำให้เรารู้มากขึ้นว่าการกินเนื้อสัตว์ให้หลีกเลี่ยงมันที่อยู่กับหนังของมันทำให้ที่บ้านกินกันแล้วต้องออกแรงเอาตะเกียบเขี่ยส่วนทีเป็นหนังออกไปซะ ภาพก่อนกินจะอยู่ด้านบนแล้วก็หลังกินห่านมันก็จะเหลือแต่หนังเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้นเองครับ
IMAGE_109

กินอาหารทะเลที่ร้านชมพูฟ้า seafood

IMAGE_103 IMAGE_104 IMAGE_105
เมื่อคืนนี้ไปกินอาหารทะเลเผาที่ป่าป๊าบอกว่าได้แต่ขับรถผ่านมาเป็นระยะเวลานมนาน เพราะผมก็เห็นสภาพแล้วไม่คิดว่าจะมีคนกินเยอะแยะเท่าไหร่ สภาพร้านดูเหมือร้านโภชนาทั่วไปครับ แต่ว่าพอไปแล้วแล้วสั่งอาหารได้พักหนึ่งเริ่มเห็นคนมาที่ร้านมาพร้อมๆกันเยอะหลายโต้ะอย่างไม่ได้นัดหมาย จากที่ร้านโล่งๆคนก็เนืองแน่นเต็มร้านได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ร้านอาหารนี้ชื่อ ชมพูฟ้าซีฟู้ด อยู่แถวๆสี่แยกบ้านแขก ถ้าหากว่าอ่านแล้วอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนแน่ๆก็โทรไปถามเค้าเอาเองแล้วกันนะครับ มันจะมีเบอร์ที่อยู่รูป ของกินใช้ได้เลยกินกุ้งกินปู ที่กินไปแล้วคิดไป แล้วพบว่าอืม .. มันน่าสนใจตรงที่ว่าถ้าหากว่าจะกินให้ grand อลังการ อาจจะสั่งตาม concept นี้ได้น่ะครับ คือ ที่นี่เค้าจะขายปูเป็นตัวๆตัวละสองร้อยบาทพอดี ถ้าหากว่าไปกันสามสี่คนก็สั่งมาคนละตัว แล้วก็เลือกเอาว่าแต่ละตัวจะเอาไปทำอะไรเหมือนกับกินเป็นอาลาคาท (กินคนเดียวต่อจาน) ก็คิดดูแล้วมันน่าจะเจ๋งใช้ได้เพราะว่าแต่ละคนก็น่าจะสั่ง action การผัดที่ไม่เหมือนกันเช่น คนนึงอาจจะบอกว่าเอาไปทำผงกระหรี่มา อีกคนบอกว่าเอาไปนึ่งซีอิ้วมา คนสุดท้ายอาจจะบอกว่าเอาไปทอดกระเทียมมาก็ได้แล้วก็ไม่แบ่งกันกินเพราะว่ามันก็ปูเหมือนกันแค่ว่ามันคนละรสเท่านั้นเองเพราะว่าปูพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นปูตัวใหญ่โตมโหราฬอะไรมากน่ะครับ

เอาเป็นว่าผมว่ายังมีร้านอาหารอีกเยอะแยะที่เราไม่รู้เพราะว่าดูจากสภาพร้านภายนอกแตว่าจริงแล้วอร่อยน่ะครับ ก็คงเสาะหาต่อไปนั่นเอง ..

Saturday, March 28, 2009

เดินทางทำ CSR กับกลุ่มก้วน KSME ณ บางปู บ้านพักตากอากาศบางปู : กินข้าว ปลูกป่าชายเลน

 IMAGE_089
ไปถึงก่อนที่จะได้เริ่มทำอะไร .. เราก็กินก่อนน่ะครับ ร้านที่มีการนัดหมายเพื่อมาเจอะเจอกัน form team อยู่ที่ร้าน “ระเบียงทะเล” ร้านนี้อาหารโอเค แต่ว่าตอนที่ไป มัน 11.30 น มันจะออกแนวร้อนไปหน่อยเท่านั้นเองครับ นอกนั้นก็ดีน่ะครับ ร้านตกแต่งดี มี style ครับผม อาหารระดับกลางๆไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมากมายครับอย่างที่เห็น ทางทีมงานที่จัดการเรื่องนี้ จัดการสั่งอาหารให้พร้อมแล้ว ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเพื่อที่จะสั่งอาหารอีก ไปถึงที่ร้านไม่ได้คิดว่าคนจะมาเยอะเท่านี้ ปรากฏว่าจากที่ประเมินคร่าวๆ คนเยอะราวๆ เป็นร้อยคนเห็นจะได้ กลุ่มก้อนนี้มันมีพลังกันจริงๆน่ะครับ

IMAGE_090
ของกินที่วางรอเราไว้ก็จะเย็นไปซะหมดแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไรน่ะครับรอกินอะไรอย่างอื่นๆต่อไปดีกว่า . . 
IMAGE_091
บรรยากาศที่ร้านจะเห็นได้ว่าออกแนวชิวๆ อย่างไรก็ดีผมได้คำแนะนำมาว่าถ้าหากว่าจะมากินที่ร้านนี้แนะนำว่าให้มาตอนเย็นจะดีกว่า (มันไม่ร้อนเหมือนตอนนี้) แล้วอีกอย่างก็คือ มันจะมีลมจากทะเลเข้าหาฝั่งทำให้อาหารที่สั่งจำเป็นต้องเป็นอาหารหนักเท่านั้น (เพราะว่าอาหารเบาจะปลิวได้น่ะครับ ^_^ แหม เล่นมุขเนาะ)
IMAGE_092
เป๋าฮื้อ .. ไม่ค่อย OK เท่าไหร่ มันเหนียวครับ
IMAGE_093
กระโถนนี้ถ่ายจากห้องน้ำชาย มันดีไซน์ได้แตกต่างจากที่อื่นๆมากเพราะว่าเค้าเอากระป๋องน้ำมาทำเป็นโถซะงั้นครับ แต่ว่าเวลาที่ฉิ้งเนี่ยะ จะต้องเล็งให้มันไม่กระเด็น เพราะว่า มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงน้ำกระแทกน่ะครับ แค่ว่ามันมี design เท่านั้นน่ะหละ .. จะเห็นได้ว่าพื้นเนียะเลอะพอตัวเพราะว่าคนพยายามจะยืนห่างออกมาระยะหนึ่งครับผม
IMAGE_094 IMAGE_095 IMAGE_096
แขน .. คนอื่น .. ด้านบน .. .
IMAGE_097 
ขาผมเองวันนี้แต่งตัวประมาณนี้เพราะว่ารู้ขะตากรรมว่าจะต้องมีการลุยเลนแน่นอน เค้าเตือนเราแล้วว่าจะต้องแต่วตัวมาประมาณไหนถึงจะเรียกว่าได้ทำกิจกรรมจริงๆ ..
IMAGE_098 IMAGE_099
วัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้คือ “การปลูกป่าชายเลน” ครับเพราะฉะนั้นมันก็ต้องลุยกันหน่อย ตอนที่ผมเดินไปปลูกนั้นผมก็มองหาอยู่น่ะครับว่า .. เอ .. ไหนว่าเค้ามีให้รองเท้านี่หน่า แต่ว่าพอเอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีให้หรอกแถมเจ้าหน้าที่ยังบอก(แอ้ะหรือว่าพวกเรากันเองก็ไม่แน่ใจน่ะครับ) บอกว่า ถ้าหากว่าไม่ได้บอกแบบนี้แล้วใครจะมองกันล่ะครับ แหม .. ก็ ..ผมก็นึกในใจก็จริงเนาะ แต่ว่าไม่น่าจะทั้งหมดเพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว พวกที่มาเนี่ยะ เค้าเลือกได้อยู่แล้วจะลงไม่ลง แท้ที่จริงแล้วผมว่าพวกนี้เค้าอยากจะมีกิจกรรมร่วมกันจริงน่ะหละครับ ไม่ว่ามันจะเป็นกินเที่ยวดื่มหรือว่าสร้างสรรค์สังคมประมาณนี้น่ะครับ ..

ก่อนที่เริ่มปลูกจริงๆ เจ้าหน้าที่จะทำหน้าที่ในการอธิบายว่าจะปลูกต้องทำยังไงเป็นขั้นตอนเพื่อให้อัตราการอยู่รอดของต้นไม้ที่เราปลูกนั้นอยู่ในสภาวะที่โอเค งอกต่อไปได้
IMAGE_101
ตอนก่อนจะกลับผมเห็นนกเยอะมากๆ เพราะว่ามีผู้คนอีกพวกหนึ่งทีไม่ได้เป็นพวก KSME รุ่นแปดของเรา เอาอาหารไปแจกให้นกกิน นกก็ไม่คิดอะไรมากครับ บินกันว่อนทำให้ได้ภาพออกมาที่แปลกตาสูดๆ เพราะ ที่เคยเห็นจะเป็นนกพิราบซะมากกว่าที่ตะกระตะกรามกินแบบรุมๆอยู่กับเป็นฝูงๆเยอะแบบนี้ตอนที่มีการเลี้ยงอาหารนก นกที่อยู่ในภาพที่ถ่ายเอาเนี่ยะมันคือ นกนางรม .. อืม .. ไม่ใช่หรอกนกนางนวล .. ตะหากว่าล่ะ พวกนี้เข้าใจว่าอาศัยอยู่ที่ตรงนี้เป็นระยะเวลา ที่แน่นอนในแต่ละมีปีน่ะครับ โชคดีอยุ่น่ะครับที่วันนี้ได้เห็น ^_^

IMAGE_102

Thursday, March 26, 2009

สินค้าที่ออกแบบสำหรับคนที่ติด chocolate จริงจัง

pockey ผมไม่รู้หรอกว่าเค้าคิดสินค้าออกมาได้ยังไงแต่ว่าผมรู้ตัวแค่ว่าผมเป็นคนที่ชอบกิน chocolate (ที่ไม่ได้ดูหรูหราเกินไปนัก) อาการติด chocolate คงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตัวผมเองเท่านั้นหรอกครับ คนอื่นๆก็คงเป็นเหมือนๆกัน ไม่รู้น่ะครับว่ามีคนสำรวจเหรอป่าวว่า  .. คนชอบรส chocolate มันเป็นประชากรโลกมากน้อยแค่ไหนครับ ที่แน่ๆผมชอบกินครับผม ..

ตัวอย่าง chocolate fever ที่เป็น product ที่ผมได้กินเป็นประจำ มีสอง สามตัวน่ะครับ คือ
- ไอติม Chocolate Rain Forest หรือว่า สติ้กกี้ชูวี้ช็อค ของติมสเวนเซนส์ ซึ่งผมตั้งปฏิพานเอาไว้ว่าจะไม่กินมันให้เยอะในปีนี้ครับ เพราะว่า ตามกระแสว่าโลกเราเศรษฐกิจไม่ดีน่ะครับ เท่านั้นเองไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ประหลาดกว่า (แค่นี้ก็ประหลาดพอแล้ว)
- ไมโลแท่ง สอง บาท (เล็กๆ) แต่ว่าตอนนี้มันไม่ได้สองบาทหรอกครับแต่ว่าควาทรงจำผมมันก็ยังราคาเท่านั้นอยู่จริงแล้วแพงกว่านั้นเยอะอยู่น่ะครับ
- ป้อกกี้ที่เห็นในภาพนี้นะครับ bitter Pocky อะไรสักอย่าง ไม้มันก็ chocolate แล้วเคลือบ chocolate กะอัลม่อน อร่อยน่ะครับ กล่องที่ถ่ายนี่เป็นกล่องที่สามที่ผมได้กินในชีวิตนี้ครับ
- Devil ไอติมด้านในสอดไส้ chocolate ปกติมันจะเคลือบแค่ข้างนอก แต่ว่านี่ไม่ .. มันเอาเป็นแท่งๆอยู่ด้านในเลย ..

สินค้าพวกนี้ออกแบบเพื่อคนติด chocolate เกรดทั่วไปได้อย่างลงตัวมากน่ะครับผม ยังมีสินค้าอีกตัวที่ไม่มีอีกแล้วแต่ว่าติดใจมากๆก็คือ chocolate เคลือบกล้วย .. มันเข้ากันมากจริงๆน่ะครับ แต่ก่อน Swensen ขายแต่ว่าเลิกไปมากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมน่ะครับ อาจจะจัดการยากก็ได้นะครับ แต่ว่าที่แน่ๆคิดถึงมันมากเอาการน่ะครับ ยังไงถ้าหากว่ารู้ว่าทำยังไงแนะนำผมหน่อยน้า .

Monday, March 23, 2009

ไม่น่าเชือ่ว่า Google จะผ่าน ads แบบนี้มาได้น่ะครับ

วันก่อนผมเปิดหน้าเว็ป http://www.bangkokbiznews.com แล้วพบ ads ที่เป็น Google adsense มาแสดงที่หน้าเว็ปนี้น่ะครับผมก็แปลกใจว่า .. อะไรกันเนียะ เดี๋ยวนี้ต้อง advertise อะไรกันแบบนี้เลยเหรอ โห… ไม่น่าเชื่อ

7e26f412ff800a93f97ebf9669735add

comment จากการดูข้อมูลพยากรณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องคู่ครอง

คือว่าผมไม่รู้ว่าหม่าม้าไปดูหมอหรือว่าไปดูกะพระทีไหนแต่ว่าทั้งน้องทั้งแม่ พากันไป (เพราะว่าเพื่อนหม่าม้าชวนไปน่ะครับ) และ แน่นอนว่า โปรดใช้วิจารณ์ญาณในการอ่านด้วยครับ “^_^”

comment จากการดูข้อมูลพยากรณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องคู่ครอง โดยคุณแม่เค้าก็ไปหาพระหาเจ้าอะไรทีไหนสักอย่างแล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่า เราต้องระวังเรื่องอะไร ปรากฏว่าเรื่องที่บอกมาเป็นอันดับแรกโดยไม่ต้องไปถามเลยก็คือ เรื่องคู่ครองครับผม .. นอกนั้นเป็นเรื่องทั่วๆไปที่แม้ตัวผมเองจะไม่ได้อยู่ ณ ตอนนั้นแต่ว่าก็ถือว่าบอกได้แม่นมาก ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมาและตอนนี้ด้วยน่ะครับผมมีปัญหาเรื่องขานิดหน่อย ไม่หายสักที แม่ผมเค้าก็มาถามว่าผมเป็นด้วยเหรอ ผมก็บอกว่า .. อืม ..เป็นน่ะครับนิดหน่อยแต่ว่ามันก็ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว แล้วมันก็เป็นมานานแล้วด้วย พอแม่บอกผมประมาณนี้ผมก็มานั่งคิดว่าอืม..ยังไงก็ฟังคุณแม่เล่าซะหน่อยก็ดีน่ะครับเพราะว่าถ้าหากว่าเดาก็ถือว่าเดาได้แม่นระดับใช้ได้ แต่ว่าถ้าไมได้เดาหรือว่าดูจากดวงก็โอเคถือว่าเก่งใช้ได้ครับ

เนื้อความหลักๆมีแค่สองประเด็นก็คือ ..

ลักษณะคนที่จะเป็นกาลกิณีในชีวิตหากได้เป็นคู่ครองแล้วจะโดนผลาญเงินเอาได้ หน้าตาลักษณะเป็นดังต่อไปนี้

"ผู้หญิง ผิวสองสี ตาโต อายุมากกว่า .."

.. คิดไปคิดมาก็ไม่เห็นว่าจะมีแนวโน้มว่าจะไปชอบคนประมาณนี้ได้น่ะนะ แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีคนหน้าลักษณะแบบนี้ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยครับผม แล้วก็คิดๆๆ . .ตอนนี้หรือว่าที่ผ่านๆก็ไม่ได้มีคนลักษณะแบบนี้อยู่ในสารระบบเลยน่ะครับ แอ้ะหรือว่าจะมีแต่ว่าคิดไม่ออกก็ไม่รู้น่ะครับ เอาเป็นว่าจะระวังให้มากแล้วกันครับผม

อีกประเด็นที่หม่าม้าเค้าจะเป็นห้วงเป็นห่วงมากๆก็คือ แล้วหน้าตาเนื้อคู่ที่จะเข้ามาเนี่ยะ มันหน้าตาเป็นยังไงกันเหรอ?

ก็ได้คำตอบมาประมาณว่า

"อ่อนกว่า ผิวขาว หน้ารูปไข่"

แหม ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ดีน่ะครับผม เพราะว่าผมก็ชอบนะผิวขาวอ่อนกว่าแล้วก็หน้ารูปไข่เนียะ อย่ามาหน้ากลมเหมือนกันเล้ย เฮอะๆ ..

เรื่องนี้จะถูกขุดขึ้นมา email กลับมาหาตัวผมเองอีกครั้งหลังจากนี้อีกสองปีกว่าผมจะตั้งเอาไว้ใน Google calendar เพื่อเตือนเรื่องนี้อีกครั้งน่ะครับ

Sunday, March 22, 2009

หง่อนหลำไปกินมาแล้วน่ะครับผม แต่ว่ากลางๆน่ะนะ..

วันนี้คิดไปคิดมาก็เดินทางไปกินหง่อนหลำ เป็นร้านอาหารเวียดนาม(จีน)ทำไมต้องวงเล็บจีนก็เพราะว่าคนเจ้าของเนียะเป็นคนจีนเห็นๆน่ะครับ ก็..ไม่ได้แปลกอะไรน่ะครับกับที่เจ้าของร้านจะเป็นคนจีนน่ะครับ อาหารโดยรวมก็รสชาติ OK ประมาณกลางๆน่าจะได้ เพราะว่า ผมเคยไปกินร้านที่อร่อยกว่านี้มาแล้วทำให้ไม่อาจจะให้คะแนนที่ดีเท่านั้นได้น่ะครับ

รสชาติที่กินเนียะ . ออกแนวนิ่งๆแล้วทุกอย่างเหมือนกับผ่านกระบวนการทอด(หากว่าทำได้เพราะบางอย่างมันเอาไปทอดไม่ได้จริง เช่น พันหอมเป็นต้น) สภาพผักก็เหมือนกับร้านเวียดนามทั่วๆไปให้เยอะดีน่ะครับ แต่ว่าผมสังเกตว่าป่าป๊าก็ไม่ได้กินมากเหมือนกับร้านอื่นๆ คิดว่าก็เป็นเพราะว่าอาหารอาจจะไม่ถูกปามากนักครับ

IMAGE_070 IMAGE_071 IMAGE_072
กุ้งพันอ้อยนี่ถือได้ว่าเป็นของที่แพงที่สุดใบบรรดาอาหารเวียดนามแต่ว่าพอมากินร้านนี้แล้วรู้สึกว่ามันถูกทางไปเลยเพราะว่าน้ำหนักที่มันพันอยู่ที่ก้านอ้อยนั้นมันเยอะเหลือเกิน เข้าใจว่าร้านนี้จะเน้นปริมาณทำให้เป็นที่ดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี
IMAGE_073
แหนมเนืองกว่าจะมาก็เกือบจบเกมส์แล้วน่ะครับ กินแล้วก็..คิดว่าไม่น่าจะเยี่ยมมากมายอะไรนัก น้ำจิ้มออกกลางๆไม่ได้มีรสชาติที่เด็ดสาระตี่เท่าไหร่ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กะคนว่าชอบแบบไหนมากกว่าน่ะครับ เพราะผมน่ะชอบที่มันออกแบบหวานๆกว่านี้สักหน่อย
IMAGE_074
เหลือจากที่สั่งเกินมาเพราะว่าตอนแรกคิดว่าจะที่เล็กๆ แต่ว่าพอมาจริงแต่ละจานนี่ใหญ่มากเอาเรื่องอยู่น่ะครับ แล้วก็คราวนี้ไปกันแค่สี่คนเท่านั้นไม่สามารถกินได้มากมาย เลยก็ต้องเอากลับมาบ้านแบบนี้น่ะครับผม ..
IMAGE_075
 
บรรยากาศร้านไม่ได้ตกแต่งอะไรเป็นพิเศษไม่ได้เป็น theme อะไรเลยน่ะครับ ก็เหมือนกะร้านโภชนาทั่วไปครับผม แต่ว่าสังเกตจากคนที่เดินเข้ามาในร้าน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มาอันจะกินทั้งนั้น แก่มั่งๆ เดินขากะเพกมามั่ง ส่วนมาคนที่มาจะมาเป็น family ก็เหมือนกะที่ไปครัง้นี้น่ะครับ ไม่เห็นพวกที่มา sweet กันสองๆสักเท่าไหร่ แต่ว่าก็เข้าใจหละเพราะว่ามันก็ไม่ได้เป็นร้านที่น่ามานั่งหวัดกันนี่เนาะ ..(ร้านนี้ราคาไม่แพงเลยน่ะครับ..ลองกินดูก่อนแล้วกันนะครับ มันอาจจะคุ้มค่าเงินแล้วกันก็ได้ .. ก่อนกลับผมยังได้ coupon บอกว่า กินมากกว่า 500 บาทลดทันที 100 บาทมาอีกต่างหาก ผมก็คิดในใจว่า เอ ..  ทำไมมันกำไรได้เยอะอย่างงั้นเลยเหรอ . แต่ว่าก็น่าจะเป็นไปได้อยู่เหมือนกันนะครับ จากการที่ได้เล่น business simulation game กับทาง ksme แล้วราคาต้นทุนต่อจานเมื่อเทียบกับราคาขายแล้วนั้น มันต่างกันลิบลับครับผม ไม่รู้ว่าเค้าเอาข้อมูลจริงมาเปิดเผยโดยประมาณด้วยเหรอป่าวน่ะครับ แต่ว่าที่แน่ๆ .. ผมเล่นแล้วก็ติดความคิดและภาพแบบนั้นมาด้วยน่ะครับ ก็เหมือนกะเด็กที่เล่นเกมส์ GTA ยังไงก็อย่างงั้นน่ะหละครับ)

เอาเป็นว่าถ้าจะแนะนำจริงๆผมก็ยังแนะนำไปที่ร้านชื่อ “มาดามออง” ถนนรางน้ำเหมือนเดิมน่ะครับ เพราะว่าราคาสูสี แต่ว่าอาหารรสดีกว่ามากครับผม

bowling กะพวก ksme ที่ Blu-o (พิมพ์ชื่อเค้าผิดเหรอป่าวน้า..ไม่แน่ๆ)

IMAGE_065 เมื่อคืนมีได้ไปโยน bowling มาอีกแล้วที่ blu-o ราคาต่อเกมส์ค่อนข้างแพง ผมคิดไม่ออกว่า major พยายามที่จะแยกลานโบว์ออกเป็นสองแบบคือแบบที่เป็น major bowl แท้ ๆ แล้วก็อีกแบบคือ blu-o เพื่อที่จะจับลูกค้าคนละตลาดหรือเปล่าหรือเพื่อการจำกัดเรื่อง promotion ออกมา คิดไปคิดมาผมว่าน่าจะเป็นกรณีหลังมากกว่าเพราะว่าบางคนก็มี member card แต่ว่าก็ไม่สามารถใช้กับอันนี้ได้น่ะครับ ทำไมเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้เนาะ .. ธุรกิจไม่น่าจะโหดร้ายกับผู้บริโภคน่ะครับ

หมูย่างที่กินประจำวันอาทิตย์

IMAGE_066 ก่อนที่จะเดินทางไปเรียนตอนเช้า ที่บ้านเค้ามีซื้อของกินประเภทมันๆมาให้กิน แต่ก็ชอบอยู๋เมหือนกันน่ะครับ มันก็คือ "หมูย่างตลาดพระประแดง" ร้านนี้เป็นร้านที่ขายเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น แล้วไม่เกินเก้าโมงเช้ามันก็จะหมดไป ขายหมดขายดีหรือว่าทำน้อยอันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าถ้าหากว่าไปหลังกว่านั้นแล้วไม่มีให้กินแน่นอนครับ เค้าเคยบอกผมว่าร้านนี้แค่ว่าขายหมูปิ้งอย่างเดียวแค่เท่านี้ก็พอที่จะส่งลูกให้จบ ป โทได้สองคนแล้ว แสดงว่ามันก็น่าจะขายดีเอาการอยู่ อย่างไรก็ตามกินอะไรที่มันๆแบบนี้ไม่เป็นเรื่องดีต่อตัวเราแน่ๆครับผม

Friday, March 20, 2009

สินค้าแนวคิด Blue Ocean ทำให้ผู้หญิงยืนฉี่..

logo_topBanner

วันก่อนยังแอบแซวกันอยู่ที่กลุ่มตอนที่เรียน KSME กันอยู่เลยว่า สินค้าที่คิดๆให้แตกต่างออกมาได้มันมีอะไรยังไงได้มั่ง แล้วผมก็ยืนนึกอยู่สักพักว่า  .. อืม .. ผมจะไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย แล้วก็บอกว่า .. "ผู้หญิงก็น่าจะยืนฉิ้งฉ่องได้มั่งน่ะ" ไม่ทันไร ก็เจอสินค้าประเภท FUD ออกมาวางขายซะแล้ว โลกเรานี่มันเร็วนักแล .. Go-girl.com แปลกมากน่ะครับผม.. คิดไปคิดมาคนที่อยากจะ blue ocean กันเยอะๆเนี่ยะมันก็มีเยอะคนจริงๆ ดูซิว่า มันจะมี product อะไรที่ไม่เคยมีในโลกโผล่ออกมาเรื่อยๆเลยเหรอ่ปาวเพราะแนวคิด Blue Ocean คิดอย่างเป็นขั้นตอนแท้ ๆ..

สร้างสรรค์ตลาดใหม่แท้ ๆ ..เหมือนกับที่นายสตีบจอบของเราบอกว่า คุณไม่รู้หรอกว่าคุณต้องการอะไรจนกว่าคุณจะได้เห็นมัน (สินค้าหรือบริการน่ะครับ) ผมก็ว่าอย่างงั้นหรอกนะครับ ผู้หญิงคงไม่คิดว่าหรอกว่า ฉันต้องการยืนฉิ้งฉ่องได้เยี่ยงชายที่ไปไหนมาไหนไปทัวร์เมืองจีนก็ยืนเอาไม่ต้องไประทมทุกข์กับห้องน้ำที่มีอึกองเท่าภูเขาสูงขั้นยอดสูงกว่าหิมาลัยแล้วต้องหย่นอวัยวะในการขับถ่ายต่ำลงไปใกล้กองปฏกูลนั้นๆ ไม่รู้น่ะครับ อาจจะมีสักคนที่คิดอยู่เหมือนกันว่า ..ถ้าชั้นยืนฉิ้งได้ล่ะก็..สบายไปนานแล้วเนาะ ว่าเหรอป่าวล่ะครับ

ผมมาคิดต่ออีกหน่อยน่ะครับตรงที่ว่า . . กรณีแบบนี้มันสะบัดไม่ได้แล้วมันจะสะอาดได้ยังไงน่ะครับ ไม่แน่น่ะครับ สมองแนวคิดทะเลฟ้าครามก็จะคิดต่อไปว่าจะทำยังไงกันต่อไปดี จะทำให้เหมือนกับว่าผู้หญิงสามารถฉี่ที่โถฉี่ได้เหมือนชายแท้ๆเลยก็น่าจะทำได้ รอสักวันคนที่คิดออกก็จะทำสินค้าออกมาขายเชื่อซิครับต้องมีสักวันล่ะน้า ..

Sunday, March 15, 2009

เชงเม้งกับ The last Lecture มันสัมพันธ์กันยังไงเหรอ?

IMAGE_050 IMAGE_051

ไปเชงเม้งประจำปีปีนี้รู้สึกว่ามันไม่ได้ร้อนเหมือนกับทุกๆครั้งอาจจะเป็นเพราะว่าครั้งนี้เดินทางไปแต่เช้าก็ได้ แล้วก็อากาศน่าจะมีเป็นใจด้วยก็อีกส่วนหนึ่ง บรรยากาศที่สุสานก็ไมได้แออัดเหมือนกับทุกครั้ง อ้อ .. อีกเหตุผลที่คิดว่าทำให้บรรยากาศดูเบาบางก็เพราะว่ามันยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะหมดเวลาที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ว่าหากว่าจะมาไหว้บรรพบุรุษแล้วไซร้จะต้องมาภายในวันนี้ๆ .. ไม่แน่ใจเหมือนกันน่ะครับว่าใครเป็นคนกำหนดหรือว่าฟ้ากำหนดมา อ้อ ..อันนี้ก็ไม่แน่เนาะ .. เข้าไปแล้วก็ไหว้เหมือนกะเป็นเทพที่เค้าทำหน้าที่ดูแลสถานที่แล้วก็บริจาคเงินนิดหน่อยเพื่อให้รุ้สึกว่าตัวเองได้ทำบุญกองกลางมั่ง เค้าก็ประกาศชื่อ น้องผม ตัวผม พ่อแม่และคนอื่นๆออกอากาศแถวนั้น ฟังแล้วก็ผมก็จะชี้ไปหาคนๆนั้น (คนปกติคิดว่าไม่ได้ทำแบบนี้หรอกนะ) แต่ว่าทำไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่หน่าจะได้รู้ว่าใครเป็นใครนี่เนาะ

ย้อนกลับไปตอนเดินทางจากกทมไปเนียะ เนื่องจากกว่าคราวนี้มี youtube clip ที่โหลดเอาไว้ตอนเมื่อคืนวานก่อนที่จะเดินทางเก็บเอาไว้ที่มือถือเครื่องใหม่ของผมเป็นเรื่องราวของ อาจารย์ที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้ (ในระยะเวลาที่แน่นอน รู้ว่าน่าจะตายประมาณเดือนไหน) แล้วก็อยากจะบอกอะไรให้โลกนี้ได้รู้ไว้ นั่นก็คือ clip youtube อันลือเชื่อ(สำหรับฝรั่ง คนไทยไม่รู้หรอกไม่เคยดูด้วยไม่รู้จักอะไรกะเค้าหรอกครับ) นั่นก็คือ “ the last lecture” ดูไปจบเหมือนว่านั่งรถออกจากบ้านแล้วก็ถึงที่หมายทันทีเพราะว่าใจเราจ่อที่เรื่องราวที่ professor คนนี้กำลัง lecture อยู่นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่จอเล็กๆก็ตาม แก่นหลักแล้วผมรู้แค่ว่า “อย่าทิ้งความฝันในวัยเด็ก” เก็บมันเอาไว้แล้วก็เผยแพร่มันต่อไป แล้วก็ดูเหมือนอาจารย์แกก็คงจะสนุกกับชีวิตทุกวัน เค้าบรรยายได้มีความสุขอย่างงั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วก็ตาม คนก็ยังเข้าไปดูว่าเค้าได้บอกอะไรก่อนตายกันนะ ซึ่งผมก็เป็นคนนึงล่ะครับที่เอาเวลาของผมประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าเพื่อที่รับรู้ความคิดและการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเค้าที่ไม่ได้เศร้าใจอะไรแม้แต่น้อยแต่กลับเป็นเรื่องที่มีความสุขสีสันของการสอนการเรียนแล้วก็การที่ได้ทำอะไรตามที่คิดว่าสร้างความฝันของตนขึ้นมาให้จงได้

ย้อนกลับมาเรื่องทีไปสุสานผมก็คิดว่า อากงที่นอนอยู่เนี่ยะ .. จริงๆถ้าหากว่าเค้ายังอยู่ผมก็ไม่ต้องมาเชงเม้ง .. (อ้าว..ซะงั้น) ไม่รู้ซิครับว่าเค้ามีความสุขหรือคิดว่าตัวเองมีความสุขกับชีวิตได้ทุกวันอย่างงั้นเหมือนกะอาจารย์นี่เหรอป่าว แล้วก็มาดูตัวเองว่า อืม . . แล้วเราล่ะ .. ตอนนี้เราคิดอะไรอยู่ เราทำอะไรอยู่ แล้วมันมีความสุขดีเหรอป่าวครับ ^_^

จริงๆแล้ววันนี้ที่ผ่านไปผมไม่ได้คิดอะไรรอบคอบแบบ ณ เวลานี้ที่ผมคิดแล้วพิมพ์ออกมาหรอกครับ แต่ว่าผมว่านะ ..ตอนที่ผมเขียนอยู่เนี่ยะผมก็รู้แล้วว่าผมได้แพร่ความคิดของตาอาจารย์บ๊องที่มีความสุขก่อนที่เค้าจะตายออกไปให้คนอื่นได้อีกต่อน่ะครับ เฮอะๆ..

Saturday, March 14, 2009

presentation ยังไงไม่ให้ดูโหลยโท่ย..

คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการจะทำ presentation ได้ออกไป present อะไรเจ๋งๆ น่ะครับ ลองดูเผื่อว่าจะได้ความคิดอะไรใหม่ๆครับ

Wednesday, March 11, 2009

กินติมซะหน่อยดีกว่า : Swensen รอบแรกของปี

IMAGE_023
ใจจริงกะว่าปีนี้ทั้งปีจะไม่กินไอติม Swensen อีกต่อไปน่ะครับ ไม่ได้เค้าไม่ดียังไงหรอกนะครับ แต่แค่ว่าผมคิดว่ามันเปลืองเงินไปหน่อยเท่านั้นเอง คนเราไม่ต้องกินไอติมก็ได้ถูกเหรอป่าวล่ะครับ ทำให้ปีนี้ผมไม่ได้ซื้อ discount card ของ Swensen มาเหมือนกับปีก่อนๆ แต่ว่าสุดท้ายก็ไปกินอยู่ดี .. หงับๆ แหม ก็นะไม่ได้กินมาตั้งสองเดือนกว่านี้แล้วนี่นี่ก็เดือนที่สามแล้วนะ .. กินซะหน่อยไม่เป็นไรหรอกเนาะ (เข้าหน้าร้อนแล้วด้วยกินอะไรเย็นๆก็น่าจะดีแฮะ ..)

แมวน้อยที่เจอกันประจำที่สวนธน..

IMAGE_020 
เดี่ยวนี้ผมไปวิ่งเกือบทุกวัน หรือ แย่ที่สุดก็ประมาณวันเว้นวัน แต่ก็วิ่งได้ไม่เยอะแยะมากมายอะไรประมาณ 3 – 5 รอบ (กิโลเมตร) แล้วแต่สภาพ อย่างเมื่อวานนี้ผมก็วิ่งได้แค่ 3 รอบเท่านั้น ไม่แยะอะไร .. เพราะอากาศร้อนมากทำให้มันออกอาการไม่รู้สึกดีเท่าไหร่เวลาเหนื่อยเยอะๆ .. เอ .. หรือว่าผมคิดไปเองก็ได้น่ะครับ เพราะว่าปกติแล้วผมจะวิ่งได้ประมาณ 5 รอบเป็น standard มากกว่า .. อืม คิดไปคิดมาก็น่าจะเป็นเพราะว่าจิตตกซะมากกว่าน่ะครับ อย่าไปโทษอากาศเลยจะดีกว่าน่ะนะ

ปกติแล้วผมจะไปวิ่งที่สวนธนน่ะครับ แถวบ้าน สวนนี้อยู่ที่ประชาอุทิศซึ่งเป็นเขตที่มีคนอาศัยอยู่เยอะมาก ถึงได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่มีคนมาใช้บริการเยอะพอตัวคุ้มค่ากับการลงทุนโดยรัฐ(จากเงินประชาชน) โดยแท้ครับ

อ้อภาพแมวนี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรหรอก แค่ผมอยากจะ upload เอาไว้ที่ blog เท่านั้นเพราะว่ามันเป็นแมวที่เจอผมเป็นประจำแล้วผมก็ไม่ได้ทักมันหรอก มันทำอะไรเรื่อยๆของมันไป ผมก็ดูมันก็เท่านั้นเอง อย่างว่าหล่ะครับ นิสัยไม่ดีอย่างก็คืออะไรที่น่ารักๆผมก็ไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักด้วยน่ะครับ แปลกคนเอ้อ ..

Tuesday, March 10, 2009

อธิบายด้วยภาพ : วิกฤตเครดิต


The Crisis of Credit Visualized from Jonathan Jarvis on Vimeo.

อธิบายได้เข้าใจไม่ยากเลยน่ะครับกับปัญหาทางการเงินระดับโลกที่ตอนนี้คนทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ เหตุเกิดเพราะว่าความโลภของคนเราแท้ๆ เพราะทุกคนอยากได้อยากมีอยากมี .. แล้วก็อยากมี ไม่สนหรอกครับว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น คนอื่นกระทบมันก็เป็นเรื่องคนอื่น ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเอง (มั้ง) ลองเปิด clip ดุน่ะครับผมดูแล้วเพลินดีมากๆ สำหรับคนที่ไม่เข้าใจมาก่อนก็จะเข้าใจได้ในทันทีเลยครับ