ร้านนี้เพิ่งจะได้เคยไปกินเป็นครั้งแรกเพราะว่ามันอยู่ไกลประมาณ ทองหล่อสิบแปดเห็นจะได้ (ถ้าหากว่าอยากรู้ตำแหน่งแน่ชัดแล้วไปที่ Google Map เองน่ะครับ) ไปถึงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร บอกเค้าว่าเอาบุฟเฟ่ห์ครับ เท่านั้นเค้าก็จัดการให้ หน้าตาของร้านจะบรรยากาศดีเสียหน่อย คนก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย ก็เพราะว่ามันอาจจะเป็นวันอาทิตย์ที่คนไม่อยากไปไหนมาไหนก็ได้น่ะครับ ผมเองก็ไม่ค่อยอยากไปไหนเหมือนกันแต่ว่าอยู่บ้านมันก็เหมือนจะน่าเบื่อไปนิสครับ
ร้านนี้ผมว่าอาหารใช้ได้ เนื้อทำออกมาได้ดีโอเค แต่ว่าก็ต้องรู้จักเลือกที่จะสั่งเหมือนกัน เนื้อที่ผมสั่งเป็นเนื้อสไลสำหรับ shabuๆเค้าก็ให้มาจานใหญ่ๆจานนึง ปริมาณเนื้อไม่มากนักแต่ว่าก็กินคนเดียวได้หมดกำลังดี แต่ว่าส่วนอื่นๆที่ผมว่าอร่อยกว่าเนื้อชาบูก็จะเป็นเนื้อที่เอาไว้ย่างนั่นเองครับ ตอนนั้นผมจำได้ว่าสั่งแค่สองอย่างก็คือ เนื้อคาลบี้ จะเป็นเนื้อส่วนที่ติดมันแต่ว่ามันแยกชั้นกัน (เขี่ยมันออกได้ไม่ยากหลังจากปิ้งให้สุกแล้ว) แล้วก็อีกอย่างก็จะเป็นเนื้อลายหินอ่อน ซึ่งเนื้อแบบนี้จะเอามันออกมาไม่ได้เลยเพราะว่ามันแทรกเข้าไปหมดทุกอนูเนื้อ แต่ว่าแย่หน่อยที่มันทำให้เหนียวเกินกว่าจะกินได้ผมก็เลยซัดและสั่งเอาแค่เนื้อคาลบี้กันน่ะครับ นอกนั้นรายการอาหารอื่นๆผมก็สั่งมาเหมือนกันถือว่า คุณภาพอาหารอยู่ในระดับดีใช้ได้ แต่ว่าแย่หน่อยที่ว่ากินไปกินมาค่าน้ำไม่รวม แล้วก็กินไปเฉลี่ยหัวละสี่ร้อยกว่าๆเห็นจะได้ ผมถือว่าอยู่ในระดับแพงกลางๆแล้วน่ะครับ จะไม่คุ้มค่าเลยหากว่ากินไม่เยอะเหมือนกันผม (วันนั้นผมกินไม่เยอะน่ะครับเน้นกินบรรยากาศแทนครับผม) ยังไงก็ลองกินได้ติดใจคุ้มค่าหรืไม่นั้นแล้วแต่บุคคลไปครับ อ้อ ลืมบอกไปอย่างสำหรับคนที่อยากกิน shabu ๆ เน้นว่าไปกินอากิโยชิจะคุ้มค่ามากกว่าน่ะครับเพราะว่าที่นี่น้ำจิ้มจะเหมือนกะไดโดม่อนเป็นการ save cost น้ำจิ้มแบบหนึ่งไว้น่ะครับเพราะว่าน้ำจิ้มงาถือได้ว่าเป็นน้ำจิ้มที่มีราคาแล้ว หากินได้ยาก หากว่าจะทำให้อร่อยในประเทศไทยครับ อาชิโยชิยังถือได้ว่าเป็นที่หนึ่งอยู่ ณ เวลานี้จบกว่าจะผมหาที่กินที่ได้อารมณ์มากกว่านั้นเจอครับผม
No comments:
Post a Comment