Monday, October 26, 2009

กินติ่มซำ low cost : ที่ The Canton House

IMAGE_395 

ติ่มซัมเป็นอาหารโปรดอีกประเภทหนึ่งที่ผมนานๆก็จะได้กินที แต่ว่าที่เอามาโม้ให้ฟังวันนี้จะเป็นติ่มซำที่ราคาต่อเข่งแค่ 15 บาทเอง (ณวันที่เขียน) หรือผมเรียกว่าเป็น ติ่มซำ low cost (แอ้ะเหมือนกับสายการบิน low cost ยังไงอย่างงั้นเลยน่ะครับ)

ติมซำแนวนี้ผมเห็นอยู่ก็ไม่กี่จ้าวมากที่ทำเป็น Brand ออกมาแล้วคนกิน มากินได้เป็นประจำเท่าที่นึกออกก็จะแค่ โชคดี กับ ร้านนี้น่ะครับ The Canton House ซึ่งแท้ที่จริงแล้วผมก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าร้านนี้ก็คือ ครัวกรุงเทพที่อยู่แถวพญาไท ร้านเดียวกันแค่ว่าผมมากินที่ central แจ้งวัฒนะเท่านั้นเอง (ไกลจากบ้านเอามากๆครับ ><) นอกนั้นก็จะเป็นร้านทั่วๆไปครับที่เอาติมซำสด(ยังไม่ได้ผ่านการนึ่ง)มาแช่แข็ง show เอาไว้หน้าร้านครับ

คนที่มากินร้านแบบนี้ผมว่าเค้าก็จะกินติมซำนั่นหละไม่ได้กินอะไรอย่างอื่นสักเท่าไหร่ถ้าหากว่าสั่งอย่างอื่นก็เพื่อที่จะทำให้กินแล้วอิ่มกว่าเดิมก็เท่านั้น  สำหรับราคา 15 บาทต่อเข่งผมว่าไม่แพงเกินไป (แต่ว่าถ้าหากว่าคิดเป็นคำๆแล้วก็เริ่มออกมาแพงนิดๆก็ได้น่ะครับเพราะว่าบางอย่างก็กินได้ 2 คำ บางอย่างกินได้ 1 คำ หรือว่าบางอย่างทั่วๆไปหน่อยเช่นจีบกุ้งปูหรือว่าฮะเก๋าก็จะได้กินสามคำครับ ) นั่นก็แปลว่าถ้าหากว่ากิน 2 คำ ก็คิดซะว่ากินคำละ 7.50 บาทยังไงอย่างงั้น (แหม เล่นเกมส์เกมส์นึงก็ 10 บาทน่ะครับ)

ผมมองเรื่องเป็นตลาดดีกว่าน่ะครับ ปกติจะโม้แต่เรื่องกินว่ามันอยู่ที่ไหนกินแล้วอร่อยมั้ยหรือว่าแนะนำให้คนอื่นมากินซะมาก แต่ว่า ติมซำ low cost จริงๆแล้วเป็นมิติใหม่ของการแยกกลุ่มตลาดออกมาจากเดิม แต่ก่อนการกินติมซำจะต้องมีเงื่อนไขว่า เอ .. ต้องกินกลางวันเท่านั้น ต้องราคาออกแนวอาหารเหลาสักหน่อยเข่งละ 40 บาทขึ้นไป หรือไม่ก็แหวกกว่านั้นก็ซัดเป็นแบบ buffet ตามโรงแรมไปซะอย่างงั้นน่ะครับ ซึ่งประเด็นนี้สำหรับเรื่องเวลานั้นจริงๆแล้วคนกินไม่ได้จำเป็นหรอกครับว่า ติมซำมันต้องกินแต่เป็นมื้อกลางวันซะที่ไหนกันล่ะ ใครตั้งกฏเอาไว้เหรอครับ ? ผมอยากกินติ่มซัมตอนเย็นก็มีกินแล้วก็อิ่มดีด้วยน่ะครับ ยิ่งโชคดีติ่มซัมนี่ผมรู้สึกว่า เค้าจะเปิดตลอดเวลา เรียกว่ากินกันเข้าไป ตอนไหนก็ได้เพราะว่ามันเข่งเล็กๆจะสั่งมากน้อยแค่ไหนก็ไม่ได้มีคนว่าได้

เมื่อตอนที่กินก็ได้ค่าเฉลี่ยใช้จ่ายเพื่อให้อิ่มได้มื้อติมซำ low cost ตกที่ประมาณ 100 บาท (แต่ว่าผมว่างวดนี้กินประหยัดนิดๆน่ะครับ) ถ้าหากว่าจะกินไม่ประหยัดหน่อยก็คิดว่าน่าจะไปที่ไม่เกิน 150 บาทต่อหัวได้ แต่ว่าก็เรียกได้ว่าอิ่มเอาการแล้วน่ะครับสำหรับราคาเฉลี่ยต่อหัวละแค่ 100 บาทเท่านั้น อ้อข้อดีอีกอย่างที่ผมชอบสำหรับร้านติมซำไม่ว่าที่ไหนๆน้ำชาหรือว่าเก้กฮวยก็จะเป็น buffet refill เติมได้ไม่อั้นเหมือนกับร้าน pizza ที่เสริฟโค้กได้ไม่อั้นเหมือนกันครับ แต่ว่าร้านเดอะแคนตั้นเฮาสเค้าคิดค่าน้ำเก้กฮวยต่อคนก็ 10 บาท refilll ไม่อั้นครับ ก็โอเคดีน่ะครับเพราะว่าถ้าหากว่าปกติร้านอื่นๆสั่งอาหารมาสั่งน้ำก็จะคิดน้ำก็สิบบาทแล้วเหมือนกันแต่ว่าร้านอื่นเค้าเต็มไม่ได้แบบนี้เท่านั้นเองครับ

ร้านติ่มซำ low cost เป็นการประยุกต์หรือตีความแบบ blue ocean ได้ไม่ยากครับเพราะว่ามีการเพิ่มเงื่อนไขของลูกค้าใหม่ๆ (ถ้าอ่านมามันก็คือปัจจัยใหม่เพื่อให้กราฟแบบใหม่บนแผนภูมิผ้าใบอะไรนั่นน่ะครับ) เรียกว่าย้ายภาพกราฟออกไปได้ทำให้เกิดตลาดใหม่ยังไงอย่างงั้นครับ ทั้งทางด้านราคา เวลาการกิน และ location ภาพลักษณ์ตัวร้าน และบริการ ที่แตกต่างออกไปจากร้านติ่มซำแบบเก่าๆที่ต้องติดภาพไม่เป็นภัตตาคารก็ต้องเป็นโรงแรมซะอย่างงั้น แล้วก็ต้องมาบังคับกินกันตอนกลางวันเท่านั้นด้วยแล้วก็หมดเวลาตอนบ่ายโมงอีกต่างหากอะไรกันเนียะ

โดยรวมถือว่าร้าน The canton house กินแล้วอร่อยดีเหมาะกับราคาดีเอามากๆแล้วก็สะดวกที่จะกินเพราะว่าทำอาหารออกมาได้เร็วเหมือนกับเป็น fast food เมืองจีนยังไงอย่างงั้นก็ว่าได้น่ะครับ ว่างลองไปหาที่กินดูเอาเองแล้วกันนะครับอ้อ แต่ว่าอย่าไปสาขาพญาไทแล้วกันครับเพราะว่าคนเยอะมากผมไปกินหนเดียวก็ไม่ได้ไปอีกเลยน่ะครับ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกครับเพราะว่าผมไปกินตอนวันแม่หรือว่าวันหยุดที่คนเค้าชอบพาครอบครัวมากินกันน่ะครับ ลองดูแล้วกันครับผม  ..

Saturday, October 24, 2009

ร้านโคซิแร ร้าน buffet หมูเกาหลี (ที่เกาหลี้เกาหลี..)

IMAGE_391 IMAGE_392 IMAGE_393 IMAGE_394
ร้านนี้มีคนเกาหลีนั่งกินอยู่ในสัดส่วนประมาณสัก 30% ของคนทั้งร้านต่อเวลาแล้วก็คนพวกนี้ก็จะกินกันเมาๆแล้วก้พูดเสียงดังบ้างน่ะครับ ก็อย่าไปถือสาเค้ามากแล้วกันครับผม

ที่ผมไปร้านนี้เพราะว่ามันเป็น buffet หมูเกาหลีที่มีแต่หมูเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าอยากกินเนื้อก็สั่งเอาก็ได้แต่ว่าแนะนำว่าให้มากินอีกรอบที่เป็นคนละรอบกับที่มากินบุฟเฟ่ต์น่ะครับ

หมูที่สั่งได้ก็จะเป็นหมูทุกแบบที่เห็นที่แสดงอยุ่ที่ภาพนี้น่ะครับยังไงก็ลองดูเองแล้วกันว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน สำหรับผมแล้วคราวนี้เน้นสั่งเนื้อหมูสามชั้นทั้งที่หมักและไมได้หมักกินกันน่ะครับ กินเข้าไปแล้วก็มานั่งกลุ้มนิดหน่อยว่าจะหาทาง burn มันออกจากร่างกายด้วยวิธีการไหนต่อไปยังไงดี (ก็ไม่ได้ถึงกับรู้สึกผิดอะไรมากมายหรอกครับ)

นอกจากเนื้อหมูหมักๆที่สั่งได้เรื่อยๆแล้วก็จะมีพวกกับแก้ม น้ำเปล่าก็สั่งได้เพิ่มได้เรื่อยๆทั้งหมด ทั้งนี้ยกเว้นข้าวเท่านั้นที่จะต้องซื้อเพิ่มเป็น option เสริมครับ ก็แปลกดีแต่ว่าก็ไม่แพงมากน่ะครับ

ร้านนี้ถ้าหากว่าจะกินให้ได้ราคาแค่ 290 บาทก็ต้องไปกินวันจันทร์ถึงศุกร์เอาครับ นอกนั้นก็จะแพงกว่าเดิมนิดหน่อย (320 บาท)

วันที่ไปเป็นวันหยุดราชการแต่ว่าเกาหลีไม่ได้รับรู้อะไรด้วยก็เลยได้ราคาถูก 290 น่ะครับ โชคดีอยู่เหมือนกันครับ ยังไงซะผมก็ว่าผมจะได้ไปกินอีกอย่างแน่นอนครับ ^_^

Thursday, October 15, 2009

เขย่ากันเข้าไปกล้ามจะขึ้น (มั้ยเนี่ยะ)

ของแบบนี้ดูแล้วมันน่าใช้เหรอป่าวเนียะ มันแปลกเกินไปหน่อยน่ะครับ สินค้าเหล่านี้ถ้าหากว่าดูที่ ads ตรงๆแล้วเหมือนกับว่ามันขยับเองได้แต่ว่า ถ้าหากว่าค้นหาคำว่า shake weight review จะมีคนใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ให้ดูแต่ว่า “มันต้องเขย่าเอง” อย่างงั้นใช้ weight ธรรมดามาขย่มดูก็น่าจะได้น่ะครับ เอามาให้ดูเพราะว่ามันแปลกดีน่ะครับ เฮอะๆ

เด็กๆร้องเพลงสะท้อนการเกิดมาของชีวิต

ถ้าหากว่าดู clip ทั้ง 2 clips นี้เด็กทั้งหมดร้องเพลงด้วยเหตุผล และเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็คงต้องปล่อยให้เป็นแบบนั้น เหตุผลและเหตุการณ์บางอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว แต่อนาคตนั้นแทบประเมินประมาณไม่ได้อย่างแท้จริง

Sunday, October 11, 2009

Digital Gateway กินหมูทอดกระเทียมซะงั้น …

IMAGE_364 IMAGE_363

เมื่อวานนี้ไปกิน Katsu King ที่ Digital Gateway มาน่ะครับจริงไม่ได้ไปกินครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรอก กินมาแล้วเยอะครั้งมาก แต่ว่าก็ไม่ได้มาเขียนเก็บเอาไว้เท่าไหร่ ไม่ได้ไม่มีเวลาอะไรแต่แค่ว่าไมได้พิมพ์เก็บไว้เท่านั้นเองล่ะครับ

ร้านนี้ที่นั่งน้อยมาก ทำให้คนพนักงานต้องเร่งยอดโดยให้คนยืนสั่งอาหารเอาไว้ก่อนแล้วก็คนที่นั่งกินเสร็จแล้วก็จะโดนถามว่า check bill เลยเหรอป่าวแบบว่าจะปฏิเสธก็กระไรอยู่น่ะครับเพราะว่าก็มีคนอื่นเค้าก็ยืนรออยู่เป็นคิวที่มองไม่เห็นเพราะคนก็เดินไปเดินมาแถวนั้นครับ

สภาพของกินก็คือ "หมูทอด" คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้สักครับ แต่ที่พยายามทำให้ไม่เหมือนกับหมูทอดอื่นๆก็แค่ว่ามีการใส่ไส้ชีสเข้าไปสำหรับคนชอบกินชีทก็จะสั่งแบบนี้กิน (ผมว่ามันเหมือนกะหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วเหลือไว้มากกว่าน่ะครับ เอาน่าผมเป็นคนไม่ชอบกินชีสอยู่แล้วก็ว่าเค้าไปเนาะ) แล้วก็มีอีกประเภทก็คือ เอาไส้กระเทียมใส่เข้าไป กินแล้วจะออกแนวเหมือนกับหมูทอดกระเทียมซะมากกว่าแต่ว่าก็อร่อยดีน่ะครับ

ร้านนี้ถ้าหากว่าสั่งเป็นชุดหมูทอด (ผมไม่เคยสั่งอย่างอื่นเลยครับ) ก็จะได้เครื่องเคียงมาคือมันบด กับผักอะไรสักอย่าง น้ำซุป แล้วก็ข้าวเปล่ากับน้ำซุปมิโซะ อ้อ มีน้ำชาเขียวรสแปลกๆอีกด้วยครับ สิ่งที่เคยเติมเพราะดูคนอื่นเค้าก็เติมๆกันก็คือ ข้าว น้ำชา ผักฝอย น้ำจิ้ม(อันนี้แน่นอนน่ะนะ) นอกนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องเติมอะไรครับ แล้วพอกินเสร็จเค้าก็จะมาถามเราว่า กินติมมั้ยคะ .. ก็บอกไปว่าเอามาได้เลยกินๆ (แหม มันมีในชุดไม่เอาก็ประหลาดแล้ว แต่ว่าบางคนก็ไม่เอาก็มีน่ะครับ ไม่รู้ว่าทำไม อาจจะอิ่มแล้วก็ได้ครับ)

โดยรวมรสชาติใช้ได้ครับลองมากินดูเองแล้วกันโม้ไว้แค่นี้แหละครับ

Friday, October 09, 2009

หลักการ 90/10 : คุณต่างหากที่เป็นคนคุมเหตุการณ์

slide ด้านบนนี้จริงๆเป็น slide ที่อธิบายถึงหลักการคร่าวๆว่า ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตามที่เข้ากระทบใจเรา ใจเรานั้นต่างหากที่จะเป็นคนแปลสัญญาณนั้นๆเป็นความคิดและพฤติกรรมของเราเองที่ดำเนินต่อไป ลองคิดไปดูมา 10% ไม่ได้เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้แต่ว่าเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ไปควบคุมมันต่างหาก แล้วก็ 90%ที่เหลือเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ครับ โดยการควบคุมนั้นเริ่มจากความคิดต่อสิ่งเร้าต่างๆเหล่านั้นออกมาเป็นการกระทำหรือพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง (รวมทั้งการไม่ทำอะไรเลยด้วยก็เป็นการกระทำอย่างหนึ่งเหมือนกันครับ)

แย่หน่อยที่เราจะไม่เห็นผลของทุกๆอย่างที่เราคาดว่าจะกระทำได้เพราะตัวเราอยู่ได้ ณ โลกของการตัดสินใจและผล(outcome)ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้เพียงโลกเดียวเท่านั้น โลกที่ผมว่านี้เป็นโลกที่เราสำเหนียงรู้ได้ อันเป็นผลจากการกระทำของตัวเราเป็นหลัก คิดแบบนี้อาจจะดูเหมือนกับว่าตัวเราเป็นศูนย์กลางของโลกยังไงอย่างงั้น แต่ก็อาจจะคิดแบบนั้นได้เพราะว่าแค่คุณหลับตา(คุณเป็นคนคิดที่จะหลับตาและทำมันด้วยตัวคุณเอง)คุณก็จะไม่ได้รับภาพใดๆไม่ว่ามันจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ เมื่อเรากระทำใดๆสิ่งๆนั้นมันสะท้อนออกไปไม่มีวันจบในโลกที่คุณอยู่รับรู้นี้ เหมือนกับเรื่องที่อาจจะเคยได้ยินมาบ้างเรื่องผีเสื้อกระพือปีกสะเทือนถึงดวงจันทร์อะไรทำนองนั้นน่ะครับ แค่คุณตายไปโลกทั้งโลกก็ตายไปกับคุณราวกับว่าคุณคือทุกอย่างของโลกนี้

เพราะฉะนั้นแล้วหากคิดเรื่องทั้งหมดรวมกันนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด คือ เหตุการณ์ใดๆจะเกิดได้ก็เพราะตัวเราคิดและตัดสินใจกระทำการใดๆตามนั้นตามที่เราคิด รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่ตัวคุณเองรู้สึกและสถานการณ์ที่ดำเนินการต่อไปนั่นเอง

Thursday, October 08, 2009

บาดเจ็บเล็กน้อย เรื่องขี้ปะติ๋ว

ไม่ได้บาดเจ็บภายนอกซะนาน วันนี้ดันมาโดนซะได้ ยกน้ำชาขวดแก้วออกมาจากตู้เย็นจับที่หัวมันก็เลยหลุดมาทำหล่นซะแก้วกระจายมาโดนนิ้วเท้าซะอย่างงั้น นอกจากจะไม่ได้กินขาเย็นที่คิดเอาไว้ว่าจะต้องแช่เย็นใส่น้ำแข็งแล้วก็เอาออกมาเทใส่เเก้วพร้อมกับหยดนมรสจืดเข้าไปเยอะๆหน่อยจะได้หอมหวาน ... นะ ดันหล่นไปซะทั้งขวดแตกสลายลงไปกับตาแถบเจ็บตัวอีกต่างหากคนเรา

ก็มานั่งนึกว่าไม่ได้รับบาดแผลภายนอกแบบนี้มานานเอาการแล้วเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะว่าเราทำอะไรไม่ประมาทหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ หรือว่าอาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้ทำอะไรให้เกิดโอกาสพลาดเกิดอุบัติเหตุได้ (ครัวก็ไม่ได้ทำเอง ทำความสะอาดอะไรก็ไม่ได้) อืม ..ก็แปลกดีเหมือนกันนานๆเจอทีน่ะครับ

(แล้ววันนี้จะอาบน้ำยังไงดีนะ ท่าทางว่าจะต้องหาถุงพลาสติกมามัดข้อเท้าน้ำจะได้ไม่เข้าแผล น่าจะดี..)

Monday, October 05, 2009

email marketing idea : ตัดสินกันที่ศีลธรรมของคนส่งว่ามันเป็น spam หรือว่าเป็นเรื่องที่น่าบอกต่อกันแน่ ?

วันนี้ผมได้รับ email forward มาฉบับนึง (เค้าเรียกเป็นฉบับเหรอป่าวผมไม่แน่ใจเท่าไหร่นะครับ) แล้วปรากฏว่าเป็น email ที่มีเนื้อความเป็น html ที่ต้องกด display content เพื่อให้ภาพทั้งหมดแสดง (ทำให้รู้ได้ว่ามีการโหลด file นั้นๆแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง หรือว่ามีคนเปิดดูเนื้อหาได้ทั้งหมดกี่ครั้งแล้วน่ะครับ) แต่ว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องเทคนิคในการวัดว่ามีคนอ่านข้อมูลนี้ทั้งหมดกี่ครั้งแล้วหรอกครับ แต่ว่าประเด็นมันอยู่ที่ว่า ที่ด้านล่างสุด มีเนื้อความพิมพ์ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "ถ้าหากว่าคุณ fwd เมล์นี้ไปหาเพื่อนของคนมากกว่า 50 คนเป็นต้นไป แล้ว cc กลับมาด้วยที่(อีเมล์ของทีม marketing ของหน้าเว็ปไซท์) แล้วคุณได้ตั๋วหนังไปฟรี"

ได้อย่างนี้ปุ้บผมก็มานั่งคิดว่า วิธีการนี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง เริ่มจากคนได้รับ เมื่อคนได้รับเห็นภาพแบบนี้แล้วเค้าเป็นคนที่ forward mail อยู่แล้วเค้าก็จะได้ตั๋วหนังฟรีๆไม่ยากเอาซะเลยเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เค้าทำอยู่แล้ว แต่ว่างวดนี้มันเป็นโฆษณาเท่านั้นเอง (ดูออกชัดๆว่าเป็น ads ไม่ได้เป็นเรื่องที่อยากบอกต่อกันเท่าไหร่ หรือว่าไม่ได้เนื้อหาเหมือนกับที่ fwd email ทั่วๆไปเค้าส่งต่อๆกัน) คนๆนี้จะเลือกที่จะส่งถ้าหากว่าเค้าอยากได้ตั๋วหนังไปฟรีๆน่ะครับแล้วเค้าก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมากก็แค่ click สองสามทีเท่านั้น (แล้วก็ต้องติดต่อติดตามเพื่อให้ตั๋วหนังมาอีกนิดหน่อยซึ่งถือได้ว่าเป็นแรงงานที่ไม่หนักมากนัก) หรือ คนๆนี้เลือกที่จะไม่ส่งต่อให้เพื่อนเค้าเพราะว่า มันเหมือนกับ spam เพื่อนมากเกินไปหน่อย อย่างงั้นพอคิดได้แบบนี้มันกลับเป็นปัญหาเรื่องศีลธรรมไปซะอย่างงั้นหรือ ? คือ เลือกว่าจะ spam เพื่อนเพื่อให้เราได้ของมาฟรีๆ หรือว่า spam เพื่อนเพราะว่าเห็นว่าเป็น spam หรือปรับความคิดไปเลยว่า ก็ไม่ได้ spam ่หรอกแค่อยากบอกสิ่งดีเหมือนกับว่าเป็น email ที่เหมาะเหลือเกินสำหรับการ forward ต่อๆกันไป

ประเด็นนี้ผมประเมินได้ยากอยู่เหมือนกันน่ะครับเพราะว่าผมไมได้เป็นคนที่ fwd email สักเท่าไหร่แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่บอกว่าช่วยส่งต่อหน่อยก็ตามที (เหมือนว่าใจร้ายยังไงก็ไม่รู้น่ะครับ) เพราะผมคิดไม่ออกว่าคนที่เค้าชองส่งต่อนั้นเค้าจะประเมิน email แบบนี้ว่ามันเป็นขยะหรือไม่ต่างหาก

สำหรับคนที่ทำ email marketing ก็เป็น idea ใหม่ๆที่ผมไม่เคยเห็นน่ะครับก็เลยเอามาเล่าให้ฟังเพราะปกติแล้ว email ที่ fwd กันจะทิ้งท้ายเอาไว้แค่ว่าถ้าไม่ส่งจะไม่หล่อ จะไม่มีแฟนหรือว่าขู่ว่าจะเจอเรื่องไม่ดี (แค่นี้เองก็แพร่เหมือนกับ virus แล้วน่ะครับ) เลยไม่รู้ว่าถ้าหากว่าเอาของมาล่อด้วยแล้วเนี่ยะมันจะทำให้การส่งต่อเหมือนกับ virus ได้อย่างงั้นหรือ ? แต่ที่แน่ๆถ้าหากว่ามีการส่งต่อเกิดขึ้นจริงๆแล้วล่ะก็การให้ตั๋วหนังมูลค่า cost สัก 60 บาท (น่าจะได้นะ) เพื่อให้ได้ email มาเพื่อเอาไว้เป็นฐานข้อมูล(เพื่อ spam ต่อไป)ได้อีกสัก 50-60 emails นั้นตกต้นทุนแล้ว email รายการละหนึ่งบาทเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าให้คุ้มค่ากว่า payperclick ของ Google adwords ที่ต้องจ่ายไปน่ะครับ ถ้าหากว่ากลุ่มลูกค้าของคุณเป็นใครก็ได้หรือว่าไม่ต้องการ demand หรือว่าต้องเกิดความต้องการของลูกค้าอะไรเป็นพิเศษแล้วล่ะก็วิธีการนี้น่าลองทีเดียว ผมจะเก็บเอาไว้เป็น idea ดูว่ามันจะมีวิธีการเพื่อ prove ได้ว่ามัน work หรือไม่ work ต่อไปแล้วกันน่ะครับ (ถ้าหากว่าคิดออกว่าจะทำยังไงครับ) โม้เท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ

Friday, October 02, 2009

อยากให้ดู slide เรื่อง "Shift Happens"

เป็นการ presentation ที่ทำออกได้เข้าใจได้ไม่ยากเลยน่ะครับ วัตถุประสงค์เพื่อที่จะได้เก็บเอาไว้เป็นรูปแบบสำหรับการนำเสนอที่ดีขึ้นครับ