slide ด้านบนนี้จริงๆเป็น slide ที่อธิบายถึงหลักการคร่าวๆว่า ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตามที่เข้ากระทบใจเรา ใจเรานั้นต่างหากที่จะเป็นคนแปลสัญญาณนั้นๆเป็นความคิดและพฤติกรรมของเราเองที่ดำเนินต่อไป ลองคิดไปดูมา 10% ไม่ได้เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้แต่ว่าเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ไปควบคุมมันต่างหาก แล้วก็ 90%ที่เหลือเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ครับ โดยการควบคุมนั้นเริ่มจากความคิดต่อสิ่งเร้าต่างๆเหล่านั้นออกมาเป็นการกระทำหรือพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง (รวมทั้งการไม่ทำอะไรเลยด้วยก็เป็นการกระทำอย่างหนึ่งเหมือนกันครับ)
แย่หน่อยที่เราจะไม่เห็นผลของทุกๆอย่างที่เราคาดว่าจะกระทำได้เพราะตัวเราอยู่ได้ ณ โลกของการตัดสินใจและผล(outcome)ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้เพียงโลกเดียวเท่านั้น โลกที่ผมว่านี้เป็นโลกที่เราสำเหนียงรู้ได้ อันเป็นผลจากการกระทำของตัวเราเป็นหลัก คิดแบบนี้อาจจะดูเหมือนกับว่าตัวเราเป็นศูนย์กลางของโลกยังไงอย่างงั้น แต่ก็อาจจะคิดแบบนั้นได้เพราะว่าแค่คุณหลับตา(คุณเป็นคนคิดที่จะหลับตาและทำมันด้วยตัวคุณเอง)คุณก็จะไม่ได้รับภาพใดๆไม่ว่ามันจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ เมื่อเรากระทำใดๆสิ่งๆนั้นมันสะท้อนออกไปไม่มีวันจบในโลกที่คุณอยู่รับรู้นี้ เหมือนกับเรื่องที่อาจจะเคยได้ยินมาบ้างเรื่องผีเสื้อกระพือปีกสะเทือนถึงดวงจันทร์อะไรทำนองนั้นน่ะครับ แค่คุณตายไปโลกทั้งโลกก็ตายไปกับคุณราวกับว่าคุณคือทุกอย่างของโลกนี้
เพราะฉะนั้นแล้วหากคิดเรื่องทั้งหมดรวมกันนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด คือ เหตุการณ์ใดๆจะเกิดได้ก็เพราะตัวเราคิดและตัดสินใจกระทำการใดๆตามนั้นตามที่เราคิด รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่ตัวคุณเองรู้สึกและสถานการณ์ที่ดำเนินการต่อไปนั่นเอง
No comments:
Post a Comment