Sunday, February 01, 2009

อัมพวาปี 2009 ไปเที่ยวกะแนนนี่ครับผม เย้.. ประทับใจดีจัง

SANY3623

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาป๊าม้าต้องไปวิ่งโดยป๊าลงรุ่น 21 โลไว้ แต่ว่าส่วนม้านีไม่รู้ว่าลงรุ่นอะไรเอาไว้ (หรือว่าไปเป็นกำลังใจเฉยๆเหรอป่าวน้า ) ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะไปกะเค้าอยู่เหมือนกัน ไปถึงระดับว่ากะว่าจะค้างคืนแล้วก็ไปวิ่งกะคนอื่นๆ แต่ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ขาขวามีอาการไม่ดีนัก คือ ขาออกแนวตึงๆ เหมือนกะเอ็นมันไม่ดีสักอย่าง แล้วถ้าหากว่าออกแรงวิ่งไปเยอะกว่าก็คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้หายได้เองโดยไม่ได้พักแน่ๆ  ตอนนี้คิดเอาเองว่าต้องพักขาเอาไว้ก่อนเพื่อให้ร่างกายมันซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้มันหายได้เองครับ ดังนั้นเลยต้องหยุดแรงกระทำติดต่อกันเอาไว้สักพักนึง

SANY3618

วันก่อนเดินไปที่ห้องอาม่าเค้าจะมีตัวปั่น cycling เหมือนกะการปั่นจักรยานอยู่กับที่แต่ว่า เป็นแนวนอนคิดว่า ถ้าหากว่าอยากจะออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก (และปริมาณอาหารที่กินเข้าไป) ก็อาจจะออกแรงผ่านเครื่องนี้ก็น่าจะได้ แต่ว่ายังไม่เคยได้ลองดูน่ะครับ ยังไง สักวันจะต้องไปลองดูเพราะมันก็สะดวกดีอยู่ไม่ต้องเดินทางไปไหน แต่แย่หน่อยที่ว่ามันจะน่าเบื่อไปนิด  (ตอนลองคิดว่าจะเอาหนังสือไปอ่านด้วยน่ะครับ)

SANY3662 ย้อนกลับมาที่อัมพวาหน่อย ..  ผมเคยไปอัมพวามาเห็นจะได้สักประมาณ 2 ครั้งแล้วแต่ว่า ครั้งแรกไปก็เหมือนจะต้องรีบกลับไป ได้ไปดูหิ่งห้อยก็ครั้งแรกน่ะหละครับ มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกดีไปอีกแบบน่ะครับ แต่เรี่องนี้มันก็นานมากแล้ว แล้วคุ้นๆว่าภาพที่ไปมันไม่เหมือนกับการไปครั้งล่าสุด (ครั้งที่สามที่เดินทางไปกับแนนนี่น่ะน่ะครับ)  สำหรับครั้งที่สอง ผมต้องเดินทางไปเพื่อไปรอรับป่าป๊า เพราะป๊าเค้าเอาแต่รถจักรยานปั่นไปจาก กทม ตามถนน พระรามสอง ไปกะก้วนปั่นจักรยานของเค้าครับ เล่นไม่เอารถไปก็ต้องให้ผมขับไปรับทั้งคนทั้งจักรยานกลับมา เพราะเค้าไม่ปั่นกลับมา กทม เองหรอกนะครับ มันเยอะเกินไป (ดีแล้วล่ะ คิดได้อย่างงั้นน่ะนะ เพราะ ก็มีบางคนไม่ได้คิดอย่างนั้นน่ะซิ ที่เหลือ บางคนเค้าก็ปั่นกลับมาอีก ออกแรงได้เยอะมากจริงๆน่ะครับพวกนี้)

SANY3669 สำหรับครั้งที่สาม ครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมว่าประทับใจกับการเปลี่ยนแปลงของคนที่นี่น่ะครับ (ผมว่าน่าจะเป็นพวก คน กทม ที่ไปเปิดเป็นร้านมากกว่านะ ) ครั้งนี้ผมไปตอนเย็นไม่ได้ไปเช้าเหมือนกะครั้งที่สองแล้วก็ไปวันเสาร์ซะด้วย เรืยกได้ว่าเป็น peak hour ของที่นี่เลยก็น่าจะได้ (เดาเอาว่าวันเสาร์น่าจะคนเยอะกว่าวันอาทิคย์เพราะว่า ไม่ต้องรีบร้อนเดินทางกลับมา กทม เพื่อทำงานต่อวันจันทร์น่ะครับ) มีการจัดเป็นโครงการ เปิดพิพิธภัณฑ์ครูเอื้อ (อัมพวา) ให้คนเข้าไปถ่ายรูปได้ มีโครงการพัฒนาทำการปูหินเหมือนกับเป็นสวนออกมา น่าเดินอยู่เหมือนกันน่ะครับ (ดได้จาก clip ตอนท้ายๆหน่อย) ส่วนนั้นผมก็ไม่เคยเดิน ก็ครั้งนี้น่ะหละครับที่ได้เดินๆดู เพราะว่าน้องแนนนี่แกเดินสำรวจหมดทุกที่ทุกทาง

นอกจากนี้ผมก็เดินไปส่วนที่เป็นห้องพัก มีทั้งห้องพักแบบที่อยู่เป็นกอง กันอยู่เป็นห้องๆ พวกที่อยู่เป็นกองก็คือ ไปเช้าห้องพักตามทางเดินริมน้ำ(คลอง) แล้วก็คิดเป็นหัว หัวละประมาณ 200-300 บาท จะมีแผ่นปูเหมือนกับเตียงเล็กๆ นอนกองๆกันเยอะๆเหมือนกับไปออกศึก มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ ได้อยู่แบบนั้นเรียกว่า Home Stay ของแท้เพราะว่าเจ้าของเค้าก็น่าจะอยู่แบบนี้เหมือนกันน่ะครับ มีทีวี มีอะไรให้ดูก็ดูกะเจ้าของบ้านเค้าแล้วกันนะ .. อีกแบบก็อยู่เป็นห้องๆ เหมือนกับพวก resort ทั่วไปครับ ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง อ้อ .. อาจจะต่างที่ว่าห้องที่นี่พยายามทำให้เล็กเพราะเข้าใจว่ามันถูกดัดแปลงมาจากการเป็นบ้านธรรมดา หรือว่าพวกที่สร้างใหม่ก็จะเป็นพวกที่อยู่ในชุมชนเดิมอยู่แล้วมีพื้นที่เป็นบ้านก็สร้างบ้านเล็กๆขึ้นมาอีกแล้วก็จะได้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปซุกหัวนอน( แต่ ก็ไม่ได้ถึงจะซุกหวัหรอกนะครับ มันดูดีอยู่ใช้ได้เลย แล้วแต่ราคา) อย่างที่ถามๆมาก็ประมาณ 800 บาทต่อห้องครับ . . บวกลบแล้วแต่สภาพความเป็นอยู่ที่ท่านๆพึงประสงค์อยากจะให้เป็นน่ะครับ ประมาณว่ามีเยอะแบบเลือกได้ไม่อั้นครับ แนะนำว่าต้องจองก่อนแน่นอนเพาะว่าที่ผมไปแบบนี้ผมก็ถามเค้าบอกว่าวันนี้เต็มกันหมด .. อืม .. ไปตายเอาดาบหน้าไม่ได้จริงๆน่ะครับของแบบนี้

SANY3665 มาครั้งนี้ผมไม่ได้มาดูหิ่งห้อยอะไรน่ะครับ เพราะว่าเคยดูแล้ว แล้วก็ไม่อยากดูเท่าไหร่ด้วย มีเรื่องเล่ามาว่า ชาวบ้านเค้านอนไม่หลับเท่าไหร่เมื่อมีนักเที่ยวเข้ามาดูหิ้งห้อยที่หน้าบ้านเค้า (เค้าจะหันหน้าบ้านเข้าน้ำ) ชาวบ้านพวกนี้ถ้าไม่ได้ย้ายออกไปไหนก็จะตัดต้น..ตะเคียน ไม่ช่ายแฮะ .. ต้นลำพู .. (น่าจะใช่นะ) ออกไปซะ ทำให้ไม่มีหิ้งห้อยแล้วคนก็ไม่ต้องแวะที่หน้าบ้านเค้าเพื่อที่จะดูครับ เป็นวิธีการแก้ไขที่ต้นเหตุจริงๆเลยครับผม ! แน่หละครับ คนที่ทำแบบนี้เค้าไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการกระทำแต่เค้าไม่รู้หรอกว่า .. ปัญหาจริงๆมันคืออะไร แล้วเหมือนกับว่าไม่ได้มีคนลงแรงเพื่อแก้ปัญหานี้ ..(ฟังเค้ามาน่ะครับไม่ได้คิดเอง แต่ไม่เชื่อซะทั้งหมด) คนเรามีอะไรก็ต้องคิดแก้ปัญหากันไปคิดว่าเรื่องแค่นี้ น่าจะมีทางออกที่เด็ดดวงได้ไม่ยากน่ะครับ

No comments: