ผมเคยบ่นเล่าให้ฟังแล้วว่าสินค้าเมืองจีนมีพฤติกรรมหนึ่งที่แตกต่างจากสินค้าประเทศอื่นๆ (ณเวลานี้) ตรงที่มันมีความพิเศษในด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าสินค้าประเภทเดียวกัน ที่ผลิตจากที่อื่นเป็นไหนต่อไหน แล้วยังลดต้นทุนได้ในระดับที่แทบเป็นไปไม่ได้ โดยการแลกกับคุณภาพของสินค้าตัวนั้นๆครับ ครั้งแรกที่เดินเข้าไปที่ร้านยี่สิบบาททุกชิ้นก็จะเห็นได้ว่า สินค้าเหล่านั้นเหมือนกันกับสินค้าหน้าตาปกติแค่ว่ามันถูกกว่าเป็นไหนๆเท่านั้นเอง เราดูจากเปลือกนอกดูไม่ออกจริงๆน่ะครับ ว่าทำไมมันถึงได้ถุกกว่าอย่างงั้นได้
อย่างแรกที่เคยพูดถึงคือ มีดโกนหนวดที่ไม่สามารถเอามาโกนได้จริงครับ เพราะ มันผลิตจากใบมีดทื่อพิเศษที่แม้แต่ขนอ่านก็ตัดไม่เข้า สิ่งที่สองที่เคยเจอก็คือ คอทตอนบรัช แกนของมันไม่สามารถที่จะรับแรงเฉียดได้แม้แต่น้อย นั่นหมายความว่าเมื่อเอาไปสัมผัสกับหูคุณจะไม่สามารถที่จะออกแรงกดให้ตัวสำลีถูไปกับใบหูได้เลย เพราะแกนมันอ่อนเกินไปนั่นเองครับ เช็ดเหมือนไม่ได้เช็ด มันเล่นงอไปงอมาไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย สังเกตได้น่ะครับว่าสินค้าสองสินค้าที่ผมเล่าให้ฟังนี้จะไม่สามารถที่จะทดสอบได้ตอนที่กำลังเลือกซื้ออยู่ได้เลยครับ แต่ว่าแน่นอนว่าสิ่งที่เห็นคือ ราคาที่ถูก และ รูปลักษณ์สินค้าที่ดูเหมือนว่าจะใช้การได้ ล่าสุดที่เจอไม่ได้เจอกับตัวผมเองน่ะครับ คือ สินค้าตลับเมตรหรือสายวัดระยะหรือขนาด ที่มันถูกได้เพราะ มันไม่ได้เริ่มที่ศูนย์ที่ปลายสุดครับ แต่มันกลับเริ่มที่ 1.8 นิ้วครับ นั่นแปลว่า ถ้าหากว่าคุณวัดและอ่านได้ค่าเท่าไหร่บนสายวัดแล้วคุณต้องลบออกด้วยค่าคงที่นี้ทุกครั้งไปครับ ผมเข้าใจว่าสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่เกิดความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการผลิต หรือ เป็นสินค้าที่ผลิตจากส่วนประกอบ(สายวัด)ที่ไม่สมบูรณ์ครับ (มีการขาดที่หัวสาย) ทำให้ได้สินค้าที่ไม่มีคนเอาหากว่าราคามันไม่ได้น่าดึงดูดเป็นพิเศษน่ะครับ
สรุปแล้วการที่สินค้าทำได้ราคาถูกอาจจะมี concept ในการผลิตสินค้าดังต่อไปนี้ครับ
- ใช้ของที่ใช้ไม่ได้แล้วหรือมีตำหนิเอามาผลิตเพื่อให้เป็นสินค้าสำเร็จที่ไม่สามารถดูออกได้ ณ จุดขาย เช่น ตลับเมตรที่เริ่มต้นด้วย 1.8 ไม่ใช่ 0
- ใช้วัตถุดิบที่คุณภาพต่ำนอกอุตสาหกรรมมาใช้ในการผลิตสินค้า เช่น การใช้ใบมีดที่ตัดขนใดๆไม่ได้แม้แต่น้อยเพื่อเอามาผลิตเป็นมีดโกนหนวด
- ออกแบบสินค้าด้วยต้นทุนที่ต่ำผิดปกติให้หลุดจาก spec. ที่จะทำให้สินค้านั้นใช้การได้เป็นสินค้าที่ใช้การไม่ได้ เช่น คอทตอนบรัชที่ก้านอ่อนจนเอามาถูกับหูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
- ทำการปลอมปนหรือผสมวัตถุดิบใดๆนอกอุตสาหกรรมตนเอง เช่น การใช้เมลามีนเอามาผสมนมเพื่อทำให้นมเจือจางแต่มีค่าคุณภาพความเข้มของตัวชี้วัดทางคุณภาพว่าผ่าน เป็นกรณีที่ทำให้เจ้าของกิจการต้องโดนประหารชีวิตครับ หรือ การสร้างไข่ปลอมออกมา หรือ การเอากระดาษ(อุตสาหกรรมกระดาษ)มาใช้เป็นไส้หมูสับ (อุตสาหกรรมอาหาร) เป็นต้น
หลักการใหญ่ๆเพียงเท่านี้ก็จะทำให้วิศวกรผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์สามารถพัฒนาลดต้นทุนการผลิตสินค้าที่มีหน้าตาเหมือนเดิมทุกประการ และคุณภาพไม่สามารถสำเนียกรู้ได้ ณ จุดขาย สินค้าเหล่านั้นก็จะขายออกไปได้โดยไม่มีการกลับมาซื้ออีกต่อไปครับถ้าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพสินค้าแล้วรู้ภายหลังว่ามันใช้ไม่ได้น่ะครับ แน่นอนว่าสินค้าเหล่านี้พยายามที่สุดที่จะไม่มี brand เป็นของตัวเอง เพราะจะตามตัวได้ หรือรู้ได้ว่าอย่ากลับมาซื้ออีก หรือ สินค้าเหล่านี้จะเป็นสินค้าที่ผลิตเพื่อทำการผลิตต่อ (B2B product) รู้อย่างนี้แล้ว โลกแห่งการผลิตสินค้าคงจะได้เจริญรุ่งเรืองมากๆในประเทศจีนเหมือนกับที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ยังไงอย่างงั้นเลยน่ะครับ
แต่ประเด็นไมได้หยุดแค่นี้น่ะครับเพราะว่าตอนนี้ประเทศจีนเริ่มหาทางที่จะทำให้คนจีนมีการผลิตในจีนได้เพื่อผลิตออกมาเป็นสินค้าที่ต้องการเมคโนโลยีสูงเพื่อเปิดตลาดจีนใหม่ๆได้น่ะครับ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการประหยัดต้นทุนเพื่อการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในประเทศเป็นอย่างมาก เช่น การผลิตเครื่องบินโดยสารเองได้ทั้งหมด การผลิตรถไฟฟ้าความเร็วสูงได้เอง การผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ได้ การผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ต้องการ know-how และเทคนิตเฉพาะได้ การผลิตเหล่านี้ดำเนินไปอย่างมีทิศทางโดยรัฐบาลเหมือนจะเป็นผู้กำหนดเกมส์ต่างๆเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกำแพงภาษีเพื่อไม่ให้สินค้าที่ผลิตจากประเทศอื่น ไหลเข้าไปขายเฉยๆได้ง่ายๆ แต่หากวาต้องการขายให้ประเทศจีนจำเป็นต้องทำการผลิตในประเทศจีนเท่านั้น แน่นอนว่าบริษัทหลายแห่งก็ตกหลุมดำนี้ โดยการเปิดบริษัทแล้วเอาวิศวกรของตนเองเข้าไปคลุกคลีกับคนจีน สอนวิศวกรชาวจีนว่าจะทำต้องทำอย่างไร สร้างสายการผลิตสินค้าต่างๆเหล่านั้นที่ประเทศจีน แน่นอนว่าสิ่งประเทศจีนและคนจีนจะได้ก็คือ ความรู้สั่งสมที่บริษัทเหล่านั้นสร้างสมมาเพื่อที่จะผลิตสินค้าหรือผลิตพัณฑ์ต่างๆเหล่านั้นทั้งหมดแบบเห็นภาพการผลิตและจะผลิตออกมาได้จริง แค่ถีบฝรั่งนั่นออกไปเสียก็หมดเรื่องเมื่อได้ความรู้ทั้งหมดมาแล้ว ซึ่งวิธีการนี้ได้ดำเนินการมาแล้วสักพักใหญ่ๆ แล้วคนทั่วโลกก็ตกลงหลุมตามแผนการณ์ที่ทางจีนได้วางหลุมดำเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แล้วตอนนี้ผมว่าจีนพร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าโลก ในโลกแห่งการผลิตไม่ว่าจะสินค้านั้นจะเป็นสินค้าจิ้บจ้อยไร้สาระ ยันสินค้าที่ต้องการความรู้เทคนิคสูง แต่อันตรายจะยังไม่ได้เกิดเวลานี้แน่ๆกับสินค้าที่ต้องการเทคนิคสูง เพราะ สินค้าเหล่านี้จะทดสอบคุณภาพได้ยาก ยากกว่าการสำเนียกรู้ได้ ณ จุดขายเป็นไหนต่อไหน เช่น สินค้าเครื่องจักรอุตสาหกรรม หากว่า เกิดการลดต้นทุนการผลิตตามหลักการใหญ่ๆที่ผมได้เล่าให้ฟังแล้วนั้น ผลของมันจะไม่เกิดขึ้นทันทีให้เห็นได้ (เพราะว่าต้องการขายของได้ก่อน) แต่มันจะสะสมผลลัพธ์ผลร้ายต่อไปตามระยะเวลาการใช้ และการใช้สินค้าที่ลดต้นทุนตามแนวคิดเหล่านั้น(โดยบังเอิญหรือตั้งใจหรือเพราะว่าไม่ได้คิดมากก็แล้วแต่)จะเป็นผลร้ายต่อผู้ซื้อผลิตภัณฑ์หรือผู้ใช้สินค้าเหล่านั้นได้ในท้ายที่สุด นี่แหละครับ ความน่ากลัวของการผลิตสินค้าในประเทศจีนหากคนยังมีแนวคิดที่จะได้กำไรเพื่อให้ได้มากต่อมากโดยการลดต้นทุนแบบฉลาดๆอย่างที่ผมว่าไปแล้วคนซวยก็คงจะเป็นประชากรโลกนี้นั่นเอง
No comments:
Post a Comment