Wednesday, February 03, 2010

KPN AWARD เข้าไปดูรอบก่อนชิงชนะเลิศที่ Moon Star studio (ไม่เคยเห็น studio ให้เช่าแบบนี้)


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปทำอะไรที่ไม่เคยทำอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเข้าไปดู studio เพื่อการถ่ายทำ KPN AWARD ภาพโดยรวมแล้วตอนแรกถ้าหากว่าไม่ได้มาที่ Studio แล้วล่ะก็ ผมก็ยังคงจะคิดว่า มันจะต้องเป็นเหมือนกับงาน concert ย่อมๆแน่เลยแต่ว่า พอเข้าจริงแล้ว มันย่อมกว่าที่ผมคิดไปอีกสักประมาณ 3 เท่าเห็นจะได้ครับ

สภาพเวทีก็ยื่นเข้ามาในคนดูมาก แล้วก็ยันเกือบจะชมโต้ะกรรมการ (ที่เค้าทำหน้าที่ comment น่ะครับ) แล้วพื้นที่ที่เหลือก็จะเป็นพื้นที่สำหรับวางเก้าอี้กพลาสติกสีน้ำเงินแบบมีผนักพิงให้คนที่เข้ามาชม ผ่านการจองตั๋วล่วงหน้าทาง internet ได้เข้ามานั่ง เรียกได้ว่า กล้องที่ถ่ายออกมาผ่านรายการทีวีให้เราได้เห็นนั้นมันก็มีเท่านั้นจริงๆ อย่าคิดภาพขยายต่อออกไปว่าคนจะต้องเยอะแยะอะไรน่ะครับ

เรื่องที่แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เราเข้าไปแล้วอารมณ์จะเหมือนกับตัวประกอบของรายการซะมากกว่า ไม่ได้เหมือนกับเข้าไปดู concert แต่ประการใด แม้ความเครื่องเคราสำหรับการแสดงจะครบถ้วนเหมือนกับงาน concert แต่เสียงจะเบากว่ามาก นอกจากนี้ที่แปลกอีกอย่างก็คือ มีการแยกลำโพงของเสียงคนร้องเพลงออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ได้ฟังเนื้อเสียงคนร้องได้ชัดเจน และมันชัดเจนไปกว่าการที่จะเป็น concert เพื่อให้คนดูได้รับฟังเสียงทั้งคนร้องและดนตรีได้อย่างเข้ากันมากที่สุด ผมก็เข้าใจอยู่หรอกว่า เพราะว่างานนี้เป็นการประกวดเสียงร้องมากกว่าการประกวดวงดนตรีทำให้ต้องแยกระหว่างคนร้องและเครื่องดนตรีออกจากกกันแบบนี้ครับ

นอกจากนี้รายการนี้มันจะเป็นรายสด นั้นก็หมายความว่า ทุกคนจะต้องทำตัวสดๆให้คนอื่นได้เห็น ไม่ว่าจะคนพูด (พิธีกร) หรือว่าแม้กระทั่งคนดู และมีเวลาที่พักเบรคตัดภาพออกจากห้องส่ง สิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนอีกประการก็คือ นอกจากจะมีพิธีกรจริงๆที่เราจะได้เห็นตอน on air แล้ว ยังจะมีพิธีกรที่ไม่เคยได้ปรากฏตัวอย่างใน TV เลยแม้แต่น้อยครับ นั้นก็คือ “พี่ Freeze” เห้นเค้าเรียกกันแบบนี้และ ดูเหมือนว่าคนนี้จะเป็นคนที่คนในวงการน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว หน้าที่ของเค้าคนนี้คือ สลับฉากกับพิธีกรตัวจริง เมื่อพักเบรคคนที่เป็นพิธีกรตัวจริงก็จะได้พักเบรค เพื่อไปเตรียมตัวอะไรของเค้าก็ว่าไป แต่ว่าพี่ Freeze เค้าก็โผล่หัวออกมาจากหลังฉาก และคนๆนี้น่ะหละ จะทำหน้าที่เหมือนกับพิธีกรแทน โดยจะทำตัว ยืนบนเวทีหรือล่างเวลา ทำการสัมภาทย์คนเข้าห้องส่ง และที่สำคัญทำการกระตุ้นให้คนดูที่อยู่ที่ห้องส่งมีส่วนรวมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะทำตอนที่ on air ไม่ได้

การสัมภาทย์สามารถทำได้แบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังมากนัก เพราะ ไม่ได้ on air แต่อย่างใด เช่น เอาให้คนอ้วนมาทำท่าแปลกๆ เอาคนแก่ที่เป็นคนดูมากรี้ด (ผมว่าถ้าหากว่า on air มันก็จะดูแปลกๆไปหน่อยจริงๆน่ะหละ) หรือแม้กระทั่งแจกของขวัญให้กับคนดู เรื่องเหล่านี้ถ้าหากว่า on air ก็จะเสีย air time ไปเฉยๆน่ะครับเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาของรายการสักเท่าไหร่

เอาเป็นว่า หลังจากที่ผมฟังคนที่ร้องประกวดแล้วผมก็กลับมานึกได้อยู่อย่างว่า ถ้าหากว่าเลือกเพลงร้องได้เหมาะกับ range เสียงของตัวเองแล้วสามารถทำเสียงหลบ เสียงหลีกอะไรได้เหมาะสมแล้ว และคุณทำการสั่นเสียงลูกคอได้แล้วล่ะก็ เรื่องอื่นก็เป็นรองมานักไม่ว่าจะเป็นสีหน้าการแสดงออก ถ้าหากว่าผมขึ้นไปเวทีอย่างงั้นผมก็คิดว่าผมก็คงทำท่าทำทางอย่างงั้นอยู่เหมือนกัน เช่น ถ้าหากว่าเนื้อความบอกว่า ไกล ผมก็จะมองไปไกล แล้วก็ทำมือยื่นออกไปเหมือนกับว่า มันมีอะไรไกลๆอยู่ตรงนั้น หรือถ้าหากว่าจะบอกว่า “ฉัน” ก็เอามือมาผะอกตัวเอง เหมือนกับเป็นธรรมชาติการสื่อสารเลยครับ ที่แน่ๆผมว่านะ “เสียงร้องของผมเองก็ไม่ได้ย่อยเหมือนกับถ้าหากว่าเปรียบเทียบกับผู้สมัครคนอื่นๆแล้ว แม้ว่าน้องๆผมจะไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้ก็ตาม แต่ว่า .. น่าผมก็คิดแบบนี้อยู่ดีน่ะหละ”


แอบเอาเพลงที่ตัวเองร้องไว้เมื่อนานมาแล้วปะไว้ให้ฟังแล้วกันนะครับว่าเหมือนกับนักร้อง KPN ได้เหรอป่าวน้อ ?

No comments: