Sunday, May 10, 2009

ร้าน Kizahashi แจกจ่ายประสบการณ์การทำพิซซ่าญี่ปุ่นให้กับลูกค้าเพื่อเป็นเพื่อมูลค่าได้อีกทางหนึ่ง

ร้านอาหารร้านนี้ชื่อ “kizahashi” เป็นร้านที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเอาซะเลยหรือว่าเรียกได้ว่า ร้านเล็กกันเลยก็ว่าได้น่ะครับ แต่ร้านนี้ผมคิดว่ามันขายของไม่ธรรมดา คือ เป็นสินค้า ประเภทอาหารที่ต้องเอามาทำเอง (ไม่ทั้งหมด เพราะไม่ได้ผสมเองเท่านั้นเอง )

ร้านนี้ที่เห็นจะมีกระทะแบนๆอยู่ใบหนึ่งประจำโต้ะ แล้วเงื่อนไขก็คือถ้าหากว่าคุณจะใช้มันก็ต้องสั่งไม่สั่งพิซซ่าญี่ปุ่นก็ต้องสั่งเป็นยากิโซบะ แล้วก็อาหารประเภทอื่นๆก็สั่งได้เหมือนกันแต่ก็จะไม่ได้ใช้กระทะที่อยู่บนโต้ะเราแท้ๆน่ะครับ

เพราะฉะนั้นแล้วหากว่ามองทางด้านความแตกต่างก็คือ ร้านนี้เพิ่มมูลค่าของมื้ออาหารด้วยการให้ลูกค้าลงมือทำเอง  (แน่นอนว่าอาจจะคิดไปถึงร้านสุกี้ร้านหมะกระทะแล้วก็ร้าน bar b q ต่างๆที่เราต้องมาปิ้งๆอาหารเอง แต่ก็อีกมันไม่เหมือนกันน่ะครับเพราะว่านั่นเป็นรูปแบบมาตราฐานกันอยู่แล้วเพราะถ้าหากว่าเค้าทำมาให้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะขายอะไรเหมือนกันครับ) แต่ว่าร้านนี้เป็นสินค้าที่เรียกได้ว่าร้านอื่นๆเค้าจะทำมาให้เสร็จแล้ว ทำให้เพิ่มมูลค่าของประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป และแน่นอนว่า มีเยอะคนที่จ่ายเพื่อให้ได้ประสบการณ์นั้นเช่นเดียวกันครับ (ผมก็ไปจ่ายเงินให้เค้ามาเนี่ยะไงล่ะ) 

concept ของความแตกต่าง โดยเน้นให้ลูกค้ามีประสบการณ์มากขึ้นหรือแตกต่างไปจากเดิมแล้วเป็นการเพิ่มมูลค่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในโลกแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าแต่ละคนที่คิดค้นธุรกิจจะทำให้มันแตกต่างได้มาก แล้วลูกค้ารู้สึกว่ามันน่าลองแค่ไหนด้วย นอกจากนี้อาจจะต้องคำนึงถึงว่า เมื่อลูกค้าได้ลองแล้วเค้าจะกลับมาทำประสบการณ์เดิมๆนั้นอีกหรือไม่ หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะทำการแนะนำต่อไปได้ สำหรับการ่ที่คนจะมากินร้านหาซ้ำนั้น อาหารนั้นต้องอร่อย นั่นก็เป็นสาเหตุล่ะมั้งว่าทำไมเค้าต้องคลุกผสมมาให้แล้ว ((อันนี้เดาเอาน่ะครับ)) แล้วก็ทำไมเค้าถึงไม่ให้เราเลือกอะไรมั่วๆมา หรือ ถึงระดับที่ว่าไม่ต้องมาผสมแป้งเอง (มันจะได้ประสบการณ์เยอะไปหน่อยเหรอป่าวน้าถ้าหากว่าต้องมาผสมแป้งเอง ) เพราะสิ่งที่ผมได้ทำก็คือแค่คลุกไข่และเครื่องที่มีการคลุก(มาแล้ว)ให้เข้ากันอีกรอบแล้วก็เทไปที่กระทะแบน หลังจากนั้นก็บี้มันด้วยอุปกรณ์ที่ผมไม่เคยจับมาก่อน (ที่ผัดแบบแบนนั่นเอง) อ้อ ก่อนหน้าเค้าจะมีอุปกรณ์เพื่อการทาน้ำมัน(ทานะครับไม่ใช่เท)นั่นก็ถือว่าเป็นของแปลกสำหรับคนปกติแล้วเช่นเดียวกัน  เมื่อรอด้านหนึ่งให้สุกแล้วก็พลิกกลับด้านไปอีกด้านหนึ่ง แล้วก็รอ ระหว่างนั้นหน้าที่สองนี้เราก็เอาเครื่องที่ปกติคนไทยไม่ได้ใช้กันหรอกครับก็คือ น้ำซอส bbq แบบญี่ปุ่น(ผมเรียกแบบนี้น่ะครับไม่รู้ว่าจริงๆมันชือ่อะไรน่ะครับ มันจะเอาไปใส่ราดหรือจิ้มกะพวกของทอดก็ได้ครับ) แล้วก็โรย “ปลาป่น” ที่มันป่นจริงๆ แล้วก็จะมีการโรยสาหร่าย(มั้งสีเขียวมาก) จะเอาเท่าไหร่ก็เอาครับไม่มีคนว่าอยู่แล้วมันกองอยู่ที่โต้ะอยู่แล้วแน่นอนว่านั่นมันก็เป็นต้นทุนร้านเค้าอยู่ที่จะมี charge คุณๆลูกค้าต่อไปอยู่ดีน่ะหละ ใส่น้อยใส่มากก็จ่ายเท่ากันแต่ว่าใส่เยอะจะอร่อยกว่าน่ะครับ เหมือนกะว่าไม่ต้องอั้นอะไรเลย (ปกติผมเข้าใจว่าปลาป่นพวกนี้จะแพงสักหน่อย) ไม่นานนักก็บีบมายองเนสให้เป็นลวดลายที่ต้องการ เป็นตารางหรือว่าเป็นวงๆก็สุดแล้วแต่ว่าเคยเห็นพวกคนเครปญี่ปุ่นเค้าทำมายังไงก็ทำตามซะงั้นได้ไม่ยากครับ หรือว่าอยากเขียนเป็นสื่อรักความในใจอะไรก็ได้ (สำหรับคนที่เรียนจีนมาหรือว่าญี่ปุ่นมาก็เขียนเป็นภาษาเป็นตัวๆไปเลยแล้วกันน่ะคัรบ)

ผมสังเกตุว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “ประสบการณ์” เพราะคุณจะรู้สึกว่ามี flash จากกล้องถ่ายอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะมาจากโต้ะนู้นหรือว่ามาจากในห้อง (ใช่ครับร้านนีมีห้องด้วย) ผมเดาเอาว่าเค้าก็ต้องถ่ายอะไรที่เค้าทำหรือว่าถ่ายอะไรที่เค้ากินอยู่ หรืออย่างแรงสุดก็เพื่อที่จะมา blog บอกต่อเหมือนกับผมแบบนี้ (ทั้งๆที่ไม่ได้อะไรมากนึกได้แค่บอกต่อ แล้วก็ได้เอามาคิดแทนที่จะกินไปเฉยๆ) นั่นเองครับ
IMAGE_006 IMAGE_007 IMAGE_008 IMAGE_009 IMAGE_010

IMAGE_014

เครื่องเยอะเลยครับอยากใส่เท่าไหร่ก็ใส่ไปไม่มีคนว่าอยู่แล้น ..

IMAGE_015
ทาน้ำมันซะหน่อย อุปกรณ์ที่ว่านี่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนน่ะครับ . .

IMAGE_019 IMAGE_021 IMAGE_024
IMAGE_036

  วิธีการตัดให้ได้หน้าตาเหมือนกะ pizza ก็ไม่ยากน่ะครับเอาอุปกรณ์ผัดของเค้ามากดตัดมันก็จะออกมาขอบคมอย่างที่เห็นนี่น่ะหละ . .
IMAGE_037
IMAGE_065

note : วันนี้น้องผมเค้ามีการทำ i tim (ไอติมโยเกิร์ตปั่นเอง) หากว่าคิดไปคิดมาแล้วเราสามารถที่จะสร้างร้านที่มีแนวคิดการเพิ่มมูลค่าด้วยประสบการณ์ที่เป็นไอติมหรือว่าโยเกิร์ตปั่นได้เช่นเดียวกัน เพราะก็เหมือนเดิมน่ะหละครับ คนไทยหรือว่าคนปกติทั่วๆไปที่ไม่ได้อยู่กะครัว่ฝรั่งหรือว่าไม่ได้ทำอาหารผ่านการเรียนการสอนอย่างครำหวอดอยู่ในวงการ เค้าก็จะคิดว่าการทำติมเนี่ยะ มันเป็นเรื่องยาก แต่ว่ามันไม่ได้ยากอะไรแม้แต่น้อย อาจจะเอาแนวคิดนี้ทำเป็นร้านที่มีมูลค่าได้มากกว่าเดิมเอามากๆก็ได้ครับ (แหม แค่ว่า ice stone หรือว่าพวก ไอติมผัดก็เป็นการเพิ่มมูลค่าแต่วาลูกค้าได้แต่มองน่ะครับมันไม่ถึงเครื่องเท่าไหร่ ก็ยังกินเงินลูกค้ามาได้แล้วก็ทำเป็น business ที่แตกตัวออกไปได้ครับ แล้วถ้าทำออกมาเองเลยไม่ยุ่งยากมาก แนวคิดแบบอยากใส่เยอะเท่าไหร่ก็ใส่ก็น่าจะทำให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ใหม่ๆได้เช่นเดียวกันน่ะครับผม)

No comments: