Friday, September 04, 2009

อันตรายจากการออกรถจากบ้านผ่านประตูใหญ่!

เมื่อวานนี้ผมว่าผมโชคดีอยู่อย่างที่รอดขีวิตจากเหตุการณ์ที่น่าจะนับได้ว่าเป็นอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดได้ทุกๆบ้านที่มีประตูใหญ่น่ะครับ เหตุเกิดตอนเย็น ตอนที่ผมจะเอารถออกมาจากบ้าน ผมเอารถออกจากโรงจอดรถแล้วก็ขับรถที่มาหน้าประตูใหญ่เพื่ออกจากบ้าน ปกติแล้วในรถผมจะมี remote เพื่อที่จะเอาไว้กดเปิดปิดประตูได้เองแต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนทุกวันเพราะว่า remote ไม่ได้อยู่บนรถผมน่ะครับ ผมก็รู้ได้ทันทีว่า รถเพื่งจะมีการเอาไปซ่อมหรือทำสีหรือทำความสะอาดอะไรสักอย่างทำให้พ่อต้องเก็บของออกจากรถไปให้หมดเพื่อป้องกันการสูญหายของทรัพย์สิน ในเมื่อไม่มี remote แล้วสิ่งที่ทำได้ก็คือผมก็ต้องบีบแตรเพื่อให้ยามเดินมาเปิดให้เพราะยามทีบ้านก็มีปุ่มเอาให้กดเหมือนกัน แต่ผมกดไปสักพักแล้วยามเองก็ไม่ได้มาเปิดแต่อย่างใด ทำให้เริ่มออกอาการหงุดหงิดนิดหน่อยทื่ว่า ยามไม่ยอมทำหน้าที่เฝ้าประตูโดยเฉพาะช่วงเย็นๆเค้าควรจะอยู่ประจำประตูไว้เพราะอาจจะมีรถเข้าออกเป็นเวลาประมาณนี้อยู่แล้ว ผมก็รอๆ..แล้วก็รอ เอามือถือมาเล่นเกมส์รอแล้วก็บีบแตรรอไปเรื่อย (ผมว่าผมเป็นคนเย็นแล้วน่ะครับนั่น เย็นขนาดเอาเกมส์ออกมาเล่นกันเลยน่ะครับ) แต่ว่าคุณพี่ยามแกก็ไม่ได้มาเปิดสักที ที่นี้ผมก็คิดว่า อืม ..ออกไปตามน่าจะดีกว่ามั้ยเผื่อว่าจะหาเจอ (อันนี้ผมคิดผิดน่ะครับเพราะว่าถ้ายามไม่อยู่แล้วผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปตามจากไหนมันแค่เป็นเหมือนกะอารมณ์พาไปมากกว่าว่า มันนานแล้วน่าจะไปตามซะหน่อยเท่านั้นเอง) ผมก็ปรับเกียร์เป็นเกียร์ว่างแล้วเปิดประตูออกจากรถโดยปักกุญแจรถเอาไว้อยู่ เดินออกมาจากรถได้สักพักใหญ่ๆแล้วก็ทำท่ามองหายาม (ไม่รู้ทำไปทำไมเหมือนกันไม่ maks sense เพราะว่าวิถีที่มองมันก็มองจากที่รถุก็ได้เหมือนกันไม่ได้มองเห็นอะไรได้มากกว่าไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่หรอกครับ) แต่ว่าพอมองกลับไปที่รถอีกทีก็พบว่า รถเคลื่อนตัวได้เองราวกลับมีใครมาปรับเป็นเกียร์เดินหน้าเพื่อให้รถเคลื่อนไปด้านหน้ายังไงอย่างงั้น ผมเห็นรถมันเคลื่อนที่อย่างนั้นใจก็ไม่ได้ตกใจอะไรหรอกครับเพราะว่าถือได้ว่าสติดีเป้นปกติดีเลย heart rate ไม่ได้ขึ้นแม้แต่น้อยแต่ว่าทันทีก็ออกแรงวิ่งเพื่อจะเข้าไปที่รถแล้วทำการหยุดรถเสียแต่ก็.. ไม่ทันรถพุ่ง(เบาๆ)กระแทกประตูศักดิ์สิทธิ์อันลอยซะดังโครมใหญ่ๆประตูด้านล่างกระเด็นยกตัวออกจากร่องที่เอาไว้ล็อคประตู แต่ตอนนั้นผมก็เปิดประตูแล้วเปิดเข้าไปที่รถได้แล้วก็ปรับเกียร์เป็น R เพื่อจะทำการถอยรถออกมาได้ในที่สุด แต่อย่างไรก็ดีการปะทะได้เกิดขึ้นไปแล้ว มีแรงกระแทกเข้ากระทำกับประตูใหญ่ไปแล้วครับ พอถอยรถออกมาได้เสร็จผมก็เดินไปที่หน้ารถเพื่อดูว่าสภาพรถเกิดอะไรหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ไม่พบความเสียหายใดๆ อาจจะเป็นเพราะว่าจุดที่รถกระแทกประตูนั้นเป็นแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้าสุดของรถ แล้วผมก็หันไปดูประตู ก็พบว่าไม่มีรอยอะไรเหมือนกันแต่ว่าประตูแค่หลุดออกจากรางมันเท่านั้น และแล้วผมก็ถอยรถกลับไปที่บ้านเพื่อเอา remote เปิดประตูที่อยู่ที่บ้านเพื่อที่จะได้ออกอีกประตูนึงแทนระหว่างที่ยามกับพนักงานคนอื่นๆก็เดินมาดูที่ประตู (แหม ทีนี้ยามเพิ่งจะมานะดีมากเลย)

เหตุการณ์นี้พ่อผมเห็นโดยตลอดเพราะว่าเค้าก็นั่งอยู่หน้าบ้านน่ะหละไมได้ไปไหนไกลเท่าไหร่ เค้าก็ถามว่าผม "ทำไมไม่เข้าเกียร์ P หรือว่าดุงเบรกมือ" ผมก็ป่ระทับใจกับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นแล้วก็บอกเค้าไปว่า "ก็เพราะว่าเข้าเกียร์ N อะไรไว้น่ะซิ (แล้วมันจะเข้า P ไปได้ยังไง)" ฟังดูอาจจะกวนแต่ว่าผมไม่รุ้ว่าจะตอบว่าอะไรมันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหมือนำกัน หน้าบ้านมันก็ดูเรียบๆดูไม่ออกว่าลาดเอียงแต่อย่างใดนี่หนา แต่ว่าพอกลับมาคิดจริงๆแล้ว เพิ่วจะนึกได้ว่า การออกแบบบริเวณทางที่จะออกจากบ้านจะลาดเสมอเพื่อให้น้ำไหลออกจาบ้านที่บ้านไปยังท่อระบายน้ำนอกบ้านทุกที่โดยมาก ถ้าหากว่าออกแบบเป็นอย่างอื่นแสดงว่าคนออกแบบพื้นที่ไม่ได้เรื่องน่ะครับ มันจะทำให้น้ำขังในบ้านได้ และทุกครั้งที่ผมเห็นฝนตกผมก็เห็นว่ามี้นำไหลออกจากบ้านมาอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้จำหรอกครับว่า พื้นที่มันลาดเอียง มันเอียงน้อยมากแค่ทำให้น้ำมันไหลออกไปอย่างเป็นทิศทางเท่านั้น แต่ว่าตาเราจะไม่รู้สุก หรือว่าสมองเรารับรู้ความเอียงของพื้นที่เท่านั้นไม่ได้น่ะครับ

กลับมาคิดอีกครั้งวันนี้ระหว่างเดินทางไปโรงงาน ก็คิดได้อีกว่า เหตุการณ์แบบนี้เคยทำให้คนตายมาแล้วนักต่อนัก แล้วก็คิดไปต่อว่าอืมเราก็ไม่ได้เป็นผู้โลคร้ายรายนั้นแต่อย่างใด แค่ว่าโชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเรา เพราะแท้ที่จริงแล้วถ้าขาดสติอาจจะโง่วิ่งไปขวางน่ารถ หรือว่าไม่ได้เข้าไปที่รถแล้วประตูล้มทับมาที่ตัวก้ได้ (แน่นอนว่าน่าจะทำให้พิการไปได้ เพราะว่าประตูพวกนี้น้ำหนักเยอะมาก) ก็เลยสุดท้ายยังไงซะถ้าเจอพี่ๆน้องๆก็จะบอกต่อๆเรื่องนี้เอาไว้ ไว้เป็นอุธาหรณ์ว่า ที่หน้าบ้านของคุณถ้าหากว่าจะออกไปเปิดประตูใหญ่บ้านแล้วล่ะก็รถห้ามปรับเกียร์เอาไว้ที่ N เป็นอันขาด ถ้าหากว่าจะออกจากรถจริงๆแล้วให้ปรับเกียร์เป็น P หรือว่าดึงเบรกมือขึ้นมาซะมันก็จะเป็นลดโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ผมว่านี้ได้ออกไปอย่างปลิดทิ้ง เนื้อความนี้หวังว่าคนที่ได้อ่านอาจจะเอาไปฉุกคิด เตือนคนอื่นๆต่อไปได้น่ะครับยังไงซะถ้าหากว่ามีคนอื่นอ่านแล้วช่วยลดการเกิดเหตุแบบนี้ได้สักครั้งก็ถือว่าบทความนี้ได้ทำหน้าที่ของมันแล้วน่ะครับผม ..

No comments: