Monday, September 21, 2009

lifestyle ที่เปลี่ยนไป : ทำอะไรก็สะดวกขึ้นเรื่อยๆ ทำอะไรได้เร็วขึ้นกว่าเดิม

คนเมืองจะทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการ แล้วจะมี lifestyle ที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก เพราะคนเหล่านี้จะมีความสามารถที่ในเการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้เร็วมากขึ้น โดยเค้าเหล่านั้นต้องการความสะดวกในการดำรงชีวิตมากกว่าเดิมอันได้แก่ การสื่อสาร การกิน การนอน การ entertain ตัวเอง (และคนอื่นๆที่อยู่รอบด้าน) รวมถึงการทำงานด้วยเช่นเดียวกัน

"ความสะดวก" จะเป็น keyword สำคัญที่สุดสำหรับการออกแบบบริการและสินค้าใหม่ๆ ในโลกปัจจุยันและอนาคนอันใกล้ไม่เกิน 10 ปีนี้ ความสะดวกที่ว่าครอบคลุมทุกส่วนของการใช้ชีวิต และ แน่นอนว่าครอบลุมในส่วนการทำงานด้วยเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น

ERP ใดๆจะต้องทำการใช้งานได้ผ่าน internet (ERP มันก็เหมือนกับ software ที่บอกว่า องค์กรทำงานอะไรอยู่ตอนนี้ได้เงินไหลมาเท่าไหร่ ออกไปเท่าไหร่ แล้วผลิตภาพเป็นอย่างไรบ้าง การออกเอกสาร PR , วางบิล และอื่นๆที่องค์กรเล็กๆถึงใหญ่โตก็ต้องทำเหมือนกันหมด )

software จะโดนออกแบบมาเพื่อใช้กับ computer ที่ต่อ internet แล้วเล่นได้จากเครื่องใดๆที่ไหนก็ได้ เพราะมันสะดวกเอามากๆ ไม่จำกัดว่าจะใช้เมื่อไหรที่ไหน คุณไม่ต้องทำงานทำการที่ office เท่านั้น คุณสามารถที่จะทำงาน หรือหาเงินได้จากเตียงนอนเลยได้ด้วยซ้ำ (ตอนนี้คนที่ทำงานในชุอนอนเริ่มมีเยอะขึ้นเรื่อยๆน่ะคัรบไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ Freelance หรือเป็น coperate ก็ตามแต่ว่าติดต่อสื่อสารผ่านหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งหมด) ตอนนี้สำหรับ software เองนั้นใครๆก็เห็น Trend นี้ได้อยากชัดเจนอยู่แล้วเพราะไม่ว่าจะเป็น microsoft หรือว่าจะเป็น software house ใดๆก็พยายามที่จะสร้าง software application ที่ใช้งานผ่านหน้า browser ได้ทั้งหมด

การสื่อสารที่สะดวก การบอกต่อที่สะดวก จะได้ว่า คนเรารับความไม่สะดวกได้น้อยลง ถ้าหากว่าจะใช้งาน computer นอกพื้นที่ office ก็อยากที่จะใช้เป้น net book แทนเพราะว่ามันไม่หนัก (สะดวกกว่า) และเลิกคิดมากเรื่องเวลาของ bat. ออกไป (ตอนนี้มันเล่นได้มากกว่า 6 hrs ต่อการ charge 1 ครั้งแล้ว) ทำให้คุณๆต่อ internet เล่นอะไรก็ได้หรือทำงานทำการผ่าน software ใดๆที่ใช้งานผ่าน internet โทรศัพท์จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้มากรองจาก computer แล้วมันก็จะทำหน้าที่เป็น computer ย่อมๆอยู่ในมือตลอดเวลา

ของกินก็ต้องสะดวกกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าอาหารแช่เเข็งจะมีทำตลาดกันเยอะขึ้น แค่ข้าวหน้าไก่ก็ยังต้องเอามาทำแช่แข็งกันเพราะว่า คนเราอยากสะดวกขนาดที่ว่ามีคนทำอาหารให้แล้วโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีก  น้ำจิ้มสำเร็จรูปเริ่มออกมาวางขายมากขขึ้น น้ำซอสผัด หรือ ซอสอะไรที่มีการผสมแล้วก็ผลิตทำออกมามากกว่าเดิม จนแทบไม่เหลือความเป็นดั้งเดิมเอาไว้ว่ามันทำมาจากอะไรกันแน่ ทำให้คนทำอาหารไม่รู้ที่มาที่ไปของอาหารเหล่านั้นหรือว่าถึงแม้ว่าจะรู้ก็ไม่อยากทำไปยุ่งกับมันเพราะว่ามันเหนื่อยกว่านั่นเอง ง่ายๆคือ ของจะพร้อมกินมากขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้ต้องการทำอะไรให้เร็วหรอก แต่ว่าเราอยากได้เวลาเพื่อการนั่งๆนอนๆมากกว่า

ความสะดวกในการเดินทาง ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากจะขับรถไปไหนมาไหนเพราะว่ามันก็ต้องกินแรงก้าวขาแล้วก็บังคับรถมันเหนื่อยเอาการน่ะครับ ที่ต้องเคลื่อนที่ไปไหนมาไหน ยกเว้นเหตุที่ว่า เคลื่อนที่เพื่อให้ตัวเองไม่เบื่อเท่านั้นเอง นั่นก็แปลว่า การบริการถึงที่บ้านจะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นความต้องการของคนปัจจุบันนี้และอนาคตต่อไปเรื่อยๆ

เอ .. ผมยกตัวอย่างมาทั้งหมดมันเป็น concept กว้างๆว่า ทำอะไรให้สะดวกกว่าเดิมก็จะเป็นสินค้าหรือบริการที่มันจะเป็นมาตราฐานความต้องการไปเสียแล้ว และมันจะเป็นอย่างงั้นเรื่อยไปในอีก 10 ปีหน้านี้ ส่วนมากจะเป็นเรื่องของการใช้งานใดๆอันเกี่ยวเนื่องกับ computer & internet เสียมากเพราะ internet นี่น่ะหละทำให้โลกเราเปลี่ยนมาแล้วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จนระยะ 5 ปีหลังสุดที่มีเรื่อง social network และ web2.0 เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวืตมนุษย์อย่างรุนแรง

เรื่องความสะดวกนี้ไม่ได้เป็นความต้องการของคนเราแต่แรกหรอก แต่ว่าถ้าหากว่าเคยสะดวกแล้วจะทำให้เกิดพฤติกรรม"ติด"ความสะดวกนั้น เพราะไม่เคยมีไม่เคยสะดวกอย่างนั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามันสะดวกได้สบายได้ จนกว่าจะเคยใช้งานสินค้าหรือบริการนั้นๆ นั้นก็แปลว่า แท้ที่จริงแล้วสินค้าหรือบริการโดยเน้น"ความสะดวก"เป็นตลาดที่ต้อง idea เข้ามาประกอบค่อนข้างมาก เพราะ มันไม่เคยมีมากกว่า คนที่จะใช้สินค้าหรือบริการนั้นก็ต้องได้ลองในลักษณะเหมือนกับเสพติดในที่สุด  อะไรก็ตามที่ทำใหคนสะดวกขึ้นได้น่าจะเป็นสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการของคนเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน

No comments: