Tuesday, September 15, 2009

แก้ปัญหาคิดให้ง่ายไว้ก่อนเลยเป็นดี ..

ถ้าหากว่าเจอปัญหาแล้ว และเจอต้นเหตุของปัญหาแล้ว สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปก็คือ "การแก้ปัญหา" ผมว่าผมมี concept อย่างหนึ่งสำหรับคนที่อยู่หน้างานจะต้องคิดเอาไว้จริงๆเลยก็คือ การแก้ปัญหาต้องเริมจากวิธีการที่คิดหรือทำได้ง่ายเอาไว้ก่อนเป็นหลัก แล้วถ้าหากว่ายังคิดง่ายๆไม่ออกก็ค่อยๆเพิ่มระดับความยากของการทำงาน โดยปกติแล้วถ้าหากว่าจะแก้ปัญหาคนที่คิดมักจะเริ่มคิดทางแก้ปัญหาออกมาได้ด้วยวิธีการอย่างสุ่มไร้รูปแบบ (ซึ่งเป็นเรื่องดี) แต่ว่าพอคิดออกมาแล้วต้องบอกคนอื่นต่อ หรือว่าทำการจดบันทึกเอาไว้ทันที เพื่อดำเนินการคิดคัดกรองต่อไปว่า "วิธีการคิดทีออกมานั้นมันทำง่ายเพียงพอแล้วหรือยัง" คำว่าง่ายในที่หมายความว่า มันเป็นไปได้ที่หน้างานที่จะทำงานกัน หรือว่ามันไม่ได้กระทบคนจำนวนมากๆที่จะต้องทำงานนี้ หรือเพื่อการปรับเปลี่ยนวิธีการดังกล่าว มันเป็นเพิ่มงานเข้าไปอีกหรือไม่ ถ้าหากว่าเพิ่มงานแล้วอาจจะต้องคิดหนักว่ามันคุ้มค่ากับปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าหากว่าดูแล้วมันเหมือนจะไม่โอเคเท่าไหร่ ให้ชลอความคิดนั่นเอาไว้ก่อน แต่ไม่ทิ้งน่ะครับเพราะว่ายังไงซะถ้าหากว่าคิดอะไรไม่ได้ออกแล้ว การที่กลับเลือกมาใช้วิธีการที่เริ่มยากนั้นก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จำเป็นต้องพึงกระทำเหมือนกัน (ก็มันคิดง่ายกว่านี้ไม่ออกแล้วนี่หน่า จะให้ทำไงได้ล่ะครับนั่น )

ผมยกตัวอย่างอย่างนี้ดีกว่า มีโรงงานสบู่บอกว่าเครื่องมันใส่สบู่แล้วระหว่างนั้นจะเกิดปัญหาว่าเครื่องมันบ้างไม่ใส่บ้างแล้วก็สบู่ก็ไหลไปบนสายพานไปเรื่อยๆทีละกล่องๆ โดยที่เราดูไม่ออกว่าข้างในมันมีสบู่อยู่เหรอป่าว วิธีที่คิดออกแบบธรรมดาๆทันทีก็คือว่า อืม ก็ในเมื่อไม่เห็นมันก็ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อทำให้เห็นมันซะแล้วก็ให้คนมามองดูที่เครื่องหรือว่าให้เครื่องอ่านภาพได้อัตโนมัติว่ามันมีสบู่เหรอ่ปาว อืม . ฟังดูมันเหมือนกับว่ามันเป็น technology สูงๆยังไงก็ไม่รู้แต่ว่าแน่นอนว่าของแค่นี้สำหรับโรงงานแล้วทางซื้อมาใช้ได้ไม่ยาก แค่เสนอมาคนที่มีอำนาจเซ็นผ่านก็ซื้อได้แล้วเท่านั้นเอง มันอาจจะราคาไม่แพงมากก็ได้ เพราะว่ามันเป็นการ garantee ได้ว่ากล่องจะต้องมีสบู่อยู่ด้านในอย่างแน่นอนเพราะว่ามันเห็นจะๆนี่หน่า แล้วมันก็คุ้มค่าด้วยเพราะว่าถ้าหากว่าส่งสินค้าไปแล้ว retailer ได้รับของไปแล้ว แล้วพบว่าไม่มีกล่อง เค้าก็จะมองว่า line การผลิตนี่ไม่ดีเอาเสียเลยน่ะครับ เอาเถอะครับ อย่างว่าหละ ต้องคิดต่อว่ามันมีวิธีการที่ง่ายกว่านี้เหรอป่าวน่ะครับ คิดๆ .. แล้วคนที่ line ผลิตก็คิดไม่ออก ก็แค่เอา "พัดลม" ตั้งไว้ปรับให้ได้ระดับไม่ต้องส่ายไปมาเปิดทิ้งเอาไว้ แล้ว ถ้าหากว่ากล่องเปล่าไหนผ่านมามันก็ปลิวตกไปกองไว้ในถุง .. ก็เท่านั้น .. อืม .. มันคิดได้ง่ายอย่างงั้น ..

หรือว่าผมเคยได้ยินเรื่องเล่าไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องเล่าปัญญาอ่อนหรือว่าเรื่องแต่งอะไรสักอย่างเชิงนี้อยู่อีกกรณีก็คือ องค์กรนาซ่าของอเมริกาเอาบินขึ้นไปในอวกาศแต่ว่าพบว่าปากกาเขียนไม่ติดเพราะว่าสภาพไร้น้ำหนักทำให้เขียนไม่ติด (ไม่รู้ว่ามันจริงเหรอป่าวน่ะครับ) ทำให้ต้องมาคิดออกแบบปากกาหรือรูปแบบปากกาเสียใหม่เพื่อให้มันเขียนได้ในอวกาศ อืม ... และแล้วก็ทำสำเร็จ เสียค่าโง่ไปเยอะน่าดู เพราะรัฐเซียก็บอกว่า จริงๆแล้วแค่เอาดินสอไปแทนปากกาเท่านั้นก็เขียนได้แล้ว ... ซะงั้น ...

อย่างน้อยที่สุดวัตถุประสงค์ที่ผมพิมพ์เนื้อความนี้เอาไว้ก็เพื่อเตือนใจว่า "มันมีวิธีการที่มันง่ายกว่านี้หรือไม่?" อย่าเพิ่งหยุดแค่ว่ามันคิดวิธีการแก้ปัญหาออกมาได้แล้ว แล้วก็ดีใจ หรือเศร้าใจก็แล้วแต่แล้วก็ด้นๆลงมือทำมันซะ ไม่ได้คิดทางเลือกอื่นๆที่เป็นไปได้แต่อย่างไร ก็อย่างว่าล่ะครับ อะไรที่คิดได้ก่อนไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นวิธีการที่ดีที่สุดเสมอไปหรอก แล้วเยอะครั้งมันก็ไม่ได้เป็นวิธีการที่ดีเอาซะด้วยซ้ำก็ได้

No comments: