ไม่อยากจะบอกว่าวันนี้ไปกิน "Bekku" สุดยอดหมูทอด ทงคัทสึในตำนานมาด้วยล่ะครับ อาหารก็ดูเหมือนกะธรรมดามากแค่ว่า ร้านค้าขายอย่างงี้อย่างเดียวเท่านั้นครับ ผมเดินทางไปตามข้อมูลเดิมๆที่มีอยู่ในหน้า internet blog post ต่างๆปรากฏว่า ไปแล้วเหมือนกับร้านจะร้าง แต่ดีน่ะครับที่ร้านค้าแถวนั้นฉลาดรู้จักจ้างคนๆนึงเอาไว้ เพื่อคอยบอกว่าร้านใหม่อยู่ทึ่ไหน
ร้าน Bekku จากเดิมก็อยู่ที่สุขุมวิท 24 ก็ยังอยู่ที่เดิมน่ะหละครับแต่ว่ามันจะเข้าไปลึกว่าเดิมอีกเล็กน้อย ไปอยู่ตรงข้ามโรงแรมชูวิทย์ (devis) ครับ ตัวร้านอยู่ที่ President Park Serviced Apatartment แล้วก็มีที่จอดรถที่อาคารของ apt. นั่นน่ะหละ สะดวกดีไม่ต้องคอยลุ้นว่าจะมีที่จอดเหรอป่าวด้วย
เข้าไปร้านจะกว้างกว่าเดิม (เพราะว่าหากดูจากข้อมูลร้านเดิม ที่ไม่มีอีกแล้วนั้นจะเทียบได้ว่า ร้านเก่านั้นแคบกว่ามาก ) เหมือนกับว่าจะจุคนได้ราว 40 คนเห็นจะได้ก็เรียกว่าเป็นเรื่องดีน่ะครับ แต่ว่ามันก็ขาดอัธรสไปนิดหน่อย เพราะ หากว่าของมันแย่งกันจริงจะต้องมีการเข้าคิวเพื่อให้ได้เข้าร้านแม้ว่าจะเป็นตอนที่ไม่ใช่ peak hour ก็ตามครับ เอาเถอะครับ การเดินทางไปก็ไปถึงนั่นไม่เกินเที่ยง (ไปแค่ประมาณ 11.30 น เห็นจะได้) ทำให้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่แต่ก็มีคนมากันแล้วน่ะครับนั่งกินกันอยู่เลยน่ะครับ ไปถึงผมก็ถามเค้าว่า ที่นี่เค้าสั่งอะไรกินกันเหรอครับ พนักงานก็บอกว่า "หมูทอด" แล้วเค้าก็จะมีให้เลือกว่าจะเอ าสันในหรือว่าสันนอก "แล้วมันต่างกันยังไงเหรอครับ ?" ผมถาม พนักงานก็บอกว่า "มันต่างตรงว่าถ้าหากว่าสันนอกจะมีมันมากกว่า" งั้นไม่เป็นไรเอาเป็นลองหมดแล้วกันนะครับไม่ว่าสันในหรือสันนอกก็แล้วแต่เอามาๆจะลองกินดูว่ามันกินแล้วมันต่างกันยังไง จากภาพจะเห็นได้ว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย แต่ว่าสันนอกจะกินสะดวกกว่าเพราะว่าเค้าหั่นมาให้แล้วน่ะครับ นั่นน่ะหละครับเป็นประเด็นเราจะได้ไม่ต้องเอาตะเกียบมาเสียบๆแทงๆเพื่อ แยกหมูออกเป็นชิ้นๆสำหรับคนที่กินแล้วดูเหมือนว่าต้องกินแบบผู้ดี มีตระกูล หรือว่าถ้าไม่คิดอะไรก็เอาทั้งชิ้นน่ะหละครับ ใส่ปากแล้วกันเอาก็ไม่ได้น่าเกลียดเกินงามอะไรหรอก แหม ว่าเหรอป่าวอ่ะครับ
สั่งแล้วก็รอ แน่นอนว่าระหว่างรอจะมีการให้ปั่นงา ชามน้ำจิ้มจะมีงาใส่เอาไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ปั่นเท่านั้นเอง งายังเป็นเม็ดหอมๆอยู่เหมือนเพิ่งผ่านการคั่วมาใหม่ๆ ดูเหลืองๆน้ำตาลๆไหม้เล็กเพื่อจะได้เวลาปั่นแล้วมันจะมีกลิ่นออกมาเตะจมูก เป็นการยั่วน้ำลาย เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีทีเดียว ผมไม่เคยปั่นผมก็นั่งมองเฉยๆ พนักงานก็จัดแจงปั่นให้ครับเพราะอยากรู้เหมือนกันว่ามันน่าจะเม็ดประมาณไหนถ้าหากว่าปั่นแล้วละเอียดเกินไปมันก็ดูเหมือนกะว่าเราไม่ได้เป็น pro น่ะครับ แล้วปั่นๆ ได้สักพัก ก็มีการ serve เอาของกินประเภทเครื่องเคียงมาวางเอาไว้ก่อน ดูเหมือนกกะว่าของพวกนี้จะเติมได้เรื่อยๆ เพราะว่าพนักงานเห็นผมกินซุปหมดเค้าก็ถามว่าจะเอาอีกเหรอป่าว เค้าก็จัดแจงเติมให้ใหม่น่ะครับ
เมื่อหมูมาถึงจะเห็นได้ว่าความเหลืองของหมูนั้นจะมีความเหลืองเท่าๆกัน เป็นไปได้ที่ว่าเค้าอาจจะทอดพร้อมๆกันะครับ แต่ก็เครื่องที่มากับจานจะมีสลัดแห้ง เราก็จัดแจงเอาน้ำสลัดบีบใส่เข้าไปซะ แล้วก็ถึงน้ำจิ้มหมูใส่กะงาเข้าไปบนถ้วยน้ำจิ้มครับ เท่านั้นก็เริ่มลงมันกินกันได้เลย !
คำแรกที่กินผมเลือกกิน "สันนอก" เสียก่อนน่ะครับ คีบมาใส่คลุกน้ำจิ้ม แล้วก็ยกใส่ปาก น้ำลายปรี้ดมากครับผม อืม .. เดินทางอย่างมีแผนการณ์ว่าวันนี้จะมากินให้ได้ก็ได้กินแล้วก็ให้รสชาติที่ดีอย่างที่หวังเอาไว้ (เกินหวังไปนิดหน่อยด้วยน่ะครับ เพราะว่าในใจแอบคิดว่า เอ... ร้านย้ายไปแล้วคิดจะไม่ได้กินซะแล้วน่ะครับตอนแรก) นั่นน่ะหละ ... ก็ไม่มีอะไรมากผมก็จัดการกินคำแล้วคำเล่าเข้าปาก แล้วก็นึกในใจว่า นี่หละครับหมูทอดในตำนาน แต่อีกใจก็คิดว่า อืม .. มันก็เป็นแค่หมูทอดนะยังไงกินแล้วก็ต้องออกกำลังกายเอาออกด้วยน่ะครับ กินเยอะๆก็จะเจ็บคอได้เหมือนกับของทอดอื่นๆครับ ยังไงร้านนี้แนะนำก็อย่ากินให้บ่อยก็แล้วกันนะครับ เพราะว่ากินแล้วไม่ดีต่อสุขภาพเหมือนกับอาหารอื่นๆที่ผมแนะนำน่ะหละ
costing : ชุดละ 220 บาท ไม่มีการคิดค่าน้ำเพราะว่าสั่งน้ำชามาคิดราคาง่ายๆตรงๆกันเองแบบนี้น่ะหละครับ แหม จะเอาอะไรกะหมูทอดล่ะครับเนาะว่าปะ . .
แถมนิดหน่อยร้าน iberry ข้างๆก็อยู่ติดๆกันไปนั่งกินรอให้ฝนมันหยุดน่ะครับเท่านั้นหละ บรรยากาศส่วนตัว แล้วก็ยังมาคิดค่าน้ำเราอีก ทั้งหมด iberry ติมสองลูกแล้วก็น้ำขวดนึง 112 บาท (คิดว่าเป็นค่าใช้พื้นที่แล้วกันนะครับ)
No comments:
Post a Comment