Friday, July 17, 2009

คนเราประเมินสถานการณ์กับเกหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากอย่างเบี่ยงเบนเป็นอย่างมาก

ความรู้สึกกับโอกาสที่มีอยู่อันน้อยนิดนั้น สมองเราแทบรู้ถึงโอกาสที่น้อยนิดนั้นแทบไม่ได้เลย แปลกดีเหมือนกันนะครับ ทำไมผมถึงว่าเอาไว้อย่างงี้น่ะเหรอครับ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโลกเรา ไม่ว่าจะเรื่องการแตกของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นล่าสุด เหตุนั้นก็เกิดขึ้นมาจากการประเมินสถานการณ์ที่โอกาสเกิดขึ้นต่ำเกินว่าผลที่เกินคาดของมันครับ การไม่ได้รับรู้มันไม่ได้แปลว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ไดีมีอยู่จริงๆครับ ผมอาจจะเคยบอกให้ฟังแล้วหนหนึ่ง (ถ้าจำไม่ผิด) ผมเคยยกตัวอย่างเรื่องการหงส์ดำไม่มีในโลก มันไม่ได้แปลว่ามันไม่มีน่ะครับ ก็แค่ว่ายังไม่มีนเจอมันมาก่อนเท่าน้นเอง หรือ เรารับรู้ไม่ได้ว่ามันมีครับ เหตุผลนี้ก็คล้ายกับการที่เราประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่เกิดผลเลวร้ายรุนแรงได้เป็นตัวถ่วงน้อยเกินครับ โดยปกติแล้วการประเมินทางวิศรกรรมจะมีการถ่วงน้ำหนักกับโอกาสที่คาดว่าน่าจะเกิด แต่ว่าถ้าหากผลลัพธ์ของกรณีเกิดได้ยากแต่มันมีผลเลวร้ายมากๆสุด ก็คำนวณแบบถ่วงน้ำหนักจากโอกาสนั้นก็แทบจะไม่ต้องคำนวณอะไร เช่น ถ้าหากว่าโอกาสเกิด 0.0001% แต่ว่าการเกิดผลลัพธ์เลวร้ายนั้นให้ outcome ออกมาเป็นตัวเลขที่ตัดสินจากระดับ infinite แล้วการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์แบบคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักและโอกาสแบบนี้จะไม่ได้ถูกนำมาใช้ เป็นไปได้ที่ตอนที่มนุษย์เราจะใช้แนวคิดแบบนี้จะเริ่มมีการละลายมันไป เพื่อให้ model การคิดแบบนี้ใช้ได้ขึ้นมายังไงอย่างงั้น

แท้ที่จริงการรับรู้โอกาสที่ต่ำๆของคนเรานั้นรับรู้ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก เราอาจจะประเมินการถูกล็อตเตอรี่เอาไว้มากกว่าความเป้นจริงๆราวกับว่าจะมีโอกาสถูกมากเสียนี่ยิ่งกระไร อย่างเช่น น้องผมเค้าจะส่งไปรษณีย์บัตรเพื่อกะว่าจะได้รางวัลใหญ่ของเค้า ถ้าหากคูณตัวเลขกันจริงๆโออกาสที่จะได้นั้นน้อยเกินกว่าที่เครื่องคิดเลขจะแสดงออกมาได้(เครื่องเลขทางบัญชีธรรมดาน่ะครับ) หัวเราอาจจะประเมินเป็น Utility ของการได้รางวัลออกมานั้นมากกว่าตัวเลขที่เป็นตัวเงินมากๆก็ได้ เพราะ อาจจะคิดไปว่า การเสียไปของเงินไม่กี่ร้อยบาท กับการที่ได้มาเป็นล้านบาท Utility ของการเสียเงินไปไม่กี่ร้อยบาทมันก็ไม่ได้มากตามจำนวนเงินนั้นตรงๆน่ะครับ ทำให้เรามักจะคิดเข้าข้างตัวเอง distort ภาพของโอกาสออกไปไกลกว่าความเป็นจริงครับ หรือ มองเรื่องโอกาสการติดหวัด 2009 นี่ก็ได้ เพราะมีการประโคมข่าวเป็นอย่างมาก ทำให้ประชาชนเกิดการป้องกัน (หรือออกอาการกลัวกันเลยก็ว่าได้) เพราะแท้ที่จริงแล้วสื่อต้องการที่จะนำเสนอ และรัฐบาลก็ต้องการที่จะนำเสนอเพื่อให้เกิดการรับรู้ได้ถึงโอกาสที่มากกว่าปกติมากๆอยู่เพื่อที่จะทำให้ทุกคนหรือคนส่วนใหญ่มีการกลัวแต่ป้องกันตัวซึ่งเป็นการ over reaction มากกว่าปกติ ถือได้ว่าจะเป็นผลดีในระยะยาว แต่ก็มีผลเสียเช่นเดียวกันน่ะครับ ดีต่อกันป้องกันแต่ว่าเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะ ทำให้คนกลัว กลัวมากจนไม่ออกจากบ้านไปห้าง ไปดูหนังไปจับจ่ายใช้สอย กลัวมากจนไม่อยากออกไปทำอะไรยกเว้นออกไปทำงาน เพื่อให้ได้เงินกลับมาดองเอาไว้ที่บ้าน (ไม่ได้ใช้ ณ สถานที่ที่มีการสะสมคนเอาไว้ด้วยกัน)

สำหรับกรณีที่การรับรู้โอกาสต่ำแล้วรับรู้ไม่ได้เลยหรือละเลยมันไป แทนที่จะรับรู้แบบขยายโอกาสหรือมากเกินจริงเหมือนกับกรณีที่ได้กล่าวไปแล้ว ก็ยังเกิดขึ้นได้ เหมือนกับการประเมินเรื่องทางเศรษฐกิจและวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วยังไงอย่างงั้น

โดยสรุปคือ คนเราประเมินรับรู้ความรู้สึกความใหญ่โตมากน้อยของโอกาสของการเกิดเหตุการณ์ที่น้อยๆได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก มีทั้งการขยายภาพโอกาสนั้นออกไปกรณีลอตเตอรี่ และการละเลยมันไปเลยก็มีครับ วิธีการป้องกันสำหรับคนที่มีภูมิความคิดคือ ขอให้รู้แค่ว่าการสำเนียงรู้โอกาสอันน้อยนิดนี้ มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในใจอยู่มากเท่าน้นก็พอครับ สำหรับวิธีการประยุกต์ใช้ก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ไปแล้วกันนะครับ ผมเอาเล่าก็เพราะผมเห็นว่า . อืม . มันแปลกดีเนาะ ความคิดของคนเราเนี่ยะ ..

No comments: