เยอะครั้งที่เราจะคิดวิธีการแก้ปัญหาออกมาได้เพื่อให้ปัญหานั้นๆผ่านพ้นไปจากตัวเท่านั้น แต่ว่าไม่แก้กันที่ต้นตอหรือสาเหตุของปัญหาอย่างแท้จริงกัน ทำไมเรามักจะเป็นอย่างงั้น เพราะว่าการแก้ปัญหาทีต้นตอเลย มันทำได้ยากกว่าการแก้ปัญหาตรงหน้ายังไงล่ะครับ เช่น ถ้าหากว่าแอร์ที่เคยปรับเอาไว้ที่ 25'c แล้วมันก็เย็นสบายดี ทีนี้มาวันนึงพบว่าเปิดแอร์ที่25'c เหมือนเดิมแต่ว่ามันกลับไม่เย็น วิธีการแก้"ปัญหาตรงหน้า" ทำได้ไม่ยากเลยน่ะครับเกือบจะใช้ common sense เพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น ทำยังไงน่ะเหรอครับ แม้แต่เด็กเล็กๆก็คิดออก (แหมเราก้เอาความคิดเด็กหรือวิธีการแก้ตรงหน้าแบบเด็กๆมาคิดน่ะหละครับมันก็ง่ายซิ จริงเหรอป่าวล่ะ) วิธีการก็คือ ปรับแอร์ให้เย็นขึ้นยังไงล่ะครับ ตรงประเด็นเป้ะเลยปัญหานั้นโดนแก้ไปแล้ว แล้วเราก็นอนได้อย่างเย็นสบายดีในคืนนั้นๆ เราจะรู้สึกเหมือนกับว่าปัญหาได้โดยแก้ไปแล้ว ไม่มีปัญหานั้นๆอีกต่อไปแล้ว แล้วก็ลืมๆมันไปซะ การกระทำแบบนี้ หรือวิธีการแก้ปัญหาตรงหน้าแบบนี้จะฝังหัวเราลึกและลึกลงไปทุกครั้งที่เราแบบนี้ ตรงๆแบบนี้โดยไม่ได้ทำการฝึกคิดถึงต้นตอของสาเหตุของปัญหา โดยไม่ได้คิดที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุแห่งปัญหานั้น เพราะเรื่องพวกนี้จะต้องผ่านการฝึกทางความคิดมาแล้วเท่านั้นถึงจะเริ่มหาต้นเหตุแห่งปัญหานั้นได้ ซึ่งวิธีการหาต้นเหตุเเห่งปัญหามันก็มีอยู่แยะวิธีการ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นวิธีการ"คิด" เท่านั้นเองครับ หรือวิธีการเหล่านี้อาจจะได้จากประสบการณ์ก็ได้เช่นเดียวกัน ทีนี้พอภาพความเคยตัวในการแก้ปัญหาตรงหน้ามันฝังตัวลึกกับความคิดของเราแล้ว แล้วมันไม่ดียังไงน่ะเหรอครับ เราจะเอาไปคิดต่อกับปัญหาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่า เราไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริง เราแค่แก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น เรื่องที่ใหญ่ขึ้นแปลว่า เรื่องนั้นจะทำให้คุณเดือดร้อนได้มากขึ้นหากว่าการแก้ปัญหาไม่ถูกจุดน่ะครับ เช่น ลมยางรั่วล้อเดียว แก้ตรงๆก็เติมลมเข้าไป แล้วคิดดูแล้วกันแก้แบบนี้ไปเรื่อยๆถ้าหากว่ายางรถเกิดผิดปกติจริง ขับรถจะทำให้เกิดความเสี่ยงหรืออันตรายได้แค่ไหน ไม่รู้ตัวกันเลยน่ะครับแบบนี้ นี่แค่เล่านึกเล่นๆว่า มันจะอันตรายได้แค่ไหนกันเชียวกับความคิดแก้ปัญหาแค่เฉพาะตรงหน้าเท่านั้นไม่ได้ทำการหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อทำการแก้มัน
เอาเป็นว่าผมจะไม่ได้พิมพ์ว่าวิธีการหาต้นเหตุแห่งปัญหาใดๆกระทำได้ด้วยวิธีใด แต่จะบอกเอาไว้ก่อนเลยว่า "การแก้ปัญหาตรงหน้าจนเคยตัวนั้น มันกระทำกับชีวิตในภายหลังได้ไม่ยากน่ะครับ" ขอแค่รู้ไว้ว่า ตอนที่คิดแก้ปัญหานั้นพึงระลึกไว้เสมอว่า มันเป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริงแล้วหรือยังหรือว่ามันเป็นแค่การแก้ปัญหาตรงหน้าเท่านั้น ?
No comments:
Post a Comment