Sunday, March 15, 2009

เชงเม้งกับ The last Lecture มันสัมพันธ์กันยังไงเหรอ?

IMAGE_050 IMAGE_051

ไปเชงเม้งประจำปีปีนี้รู้สึกว่ามันไม่ได้ร้อนเหมือนกับทุกๆครั้งอาจจะเป็นเพราะว่าครั้งนี้เดินทางไปแต่เช้าก็ได้ แล้วก็อากาศน่าจะมีเป็นใจด้วยก็อีกส่วนหนึ่ง บรรยากาศที่สุสานก็ไมได้แออัดเหมือนกับทุกครั้ง อ้อ .. อีกเหตุผลที่คิดว่าทำให้บรรยากาศดูเบาบางก็เพราะว่ามันยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะหมดเวลาที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ว่าหากว่าจะมาไหว้บรรพบุรุษแล้วไซร้จะต้องมาภายในวันนี้ๆ .. ไม่แน่ใจเหมือนกันน่ะครับว่าใครเป็นคนกำหนดหรือว่าฟ้ากำหนดมา อ้อ ..อันนี้ก็ไม่แน่เนาะ .. เข้าไปแล้วก็ไหว้เหมือนกะเป็นเทพที่เค้าทำหน้าที่ดูแลสถานที่แล้วก็บริจาคเงินนิดหน่อยเพื่อให้รุ้สึกว่าตัวเองได้ทำบุญกองกลางมั่ง เค้าก็ประกาศชื่อ น้องผม ตัวผม พ่อแม่และคนอื่นๆออกอากาศแถวนั้น ฟังแล้วก็ผมก็จะชี้ไปหาคนๆนั้น (คนปกติคิดว่าไม่ได้ทำแบบนี้หรอกนะ) แต่ว่าทำไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่หน่าจะได้รู้ว่าใครเป็นใครนี่เนาะ

ย้อนกลับไปตอนเดินทางจากกทมไปเนียะ เนื่องจากกว่าคราวนี้มี youtube clip ที่โหลดเอาไว้ตอนเมื่อคืนวานก่อนที่จะเดินทางเก็บเอาไว้ที่มือถือเครื่องใหม่ของผมเป็นเรื่องราวของ อาจารย์ที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้ (ในระยะเวลาที่แน่นอน รู้ว่าน่าจะตายประมาณเดือนไหน) แล้วก็อยากจะบอกอะไรให้โลกนี้ได้รู้ไว้ นั่นก็คือ clip youtube อันลือเชื่อ(สำหรับฝรั่ง คนไทยไม่รู้หรอกไม่เคยดูด้วยไม่รู้จักอะไรกะเค้าหรอกครับ) นั่นก็คือ “ the last lecture” ดูไปจบเหมือนว่านั่งรถออกจากบ้านแล้วก็ถึงที่หมายทันทีเพราะว่าใจเราจ่อที่เรื่องราวที่ professor คนนี้กำลัง lecture อยู่นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่จอเล็กๆก็ตาม แก่นหลักแล้วผมรู้แค่ว่า “อย่าทิ้งความฝันในวัยเด็ก” เก็บมันเอาไว้แล้วก็เผยแพร่มันต่อไป แล้วก็ดูเหมือนอาจารย์แกก็คงจะสนุกกับชีวิตทุกวัน เค้าบรรยายได้มีความสุขอย่างงั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วก็ตาม คนก็ยังเข้าไปดูว่าเค้าได้บอกอะไรก่อนตายกันนะ ซึ่งผมก็เป็นคนนึงล่ะครับที่เอาเวลาของผมประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าเพื่อที่รับรู้ความคิดและการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเค้าที่ไม่ได้เศร้าใจอะไรแม้แต่น้อยแต่กลับเป็นเรื่องที่มีความสุขสีสันของการสอนการเรียนแล้วก็การที่ได้ทำอะไรตามที่คิดว่าสร้างความฝันของตนขึ้นมาให้จงได้

ย้อนกลับมาเรื่องทีไปสุสานผมก็คิดว่า อากงที่นอนอยู่เนี่ยะ .. จริงๆถ้าหากว่าเค้ายังอยู่ผมก็ไม่ต้องมาเชงเม้ง .. (อ้าว..ซะงั้น) ไม่รู้ซิครับว่าเค้ามีความสุขหรือคิดว่าตัวเองมีความสุขกับชีวิตได้ทุกวันอย่างงั้นเหมือนกะอาจารย์นี่เหรอป่าว แล้วก็มาดูตัวเองว่า อืม . . แล้วเราล่ะ .. ตอนนี้เราคิดอะไรอยู่ เราทำอะไรอยู่ แล้วมันมีความสุขดีเหรอป่าวครับ ^_^

จริงๆแล้ววันนี้ที่ผ่านไปผมไม่ได้คิดอะไรรอบคอบแบบ ณ เวลานี้ที่ผมคิดแล้วพิมพ์ออกมาหรอกครับ แต่ว่าผมว่านะ ..ตอนที่ผมเขียนอยู่เนี่ยะผมก็รู้แล้วว่าผมได้แพร่ความคิดของตาอาจารย์บ๊องที่มีความสุขก่อนที่เค้าจะตายออกไปให้คนอื่นได้อีกต่อน่ะครับ เฮอะๆ..

No comments: