Thursday, January 22, 2009

เหลืองหรือแดงก็ไม่สำคัญ เพราะ ดูเหมือนว่า ตอนนี้ใครๆก็รักสามัคคีกันดี

แปลกอยู่อย่างว่าการยึดว่าของเราตัวเรานั้น มันไม่ได้คิดแค่ว่า อันนี้ของๆผม สิ่งนั้นเป็นของๆคนอื่น หรือว่าอันนี้ตัวๆเรานะ แล้วก็อันนี้เป็นตัวตนคนอื่นๆ แต่แนวคิดความเป็นตัวกูของกูมันกว้างออกไปมากกว่านั้นมาก และมันก็ครอบคลุมเรื่องความคิดซะด้วยซิ .. ทั้งๆที่มันเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ หรือ ความเชื่อ ก็เหมือนกัน นามธรรมจับไม่ได้ด้วย แต่ว่าคิดได้ เชื่อได้ สำหรับความคิดนั้นอาจจะพิจารณาในเชิง credit ได้น่ะครับ ทำให้วิธีการบริหารงานคน หากว่าใครก็ตามที่คิดอะไรออก หนังสือตำราก็จะบอกว่า เราก็ต้องชมให้ถูกคนแล้วก็ยอมรับในความคิดเค้าเหล่านั้นเพื่อให้เค้าออกความคิดมาอีก เหตุที่เ้ค้า้้อยากจะออกความคิดมาอีกเพราะว่า เค้าคิดว่าความคิดเหล่านั้นเป็นความคิดของเค้า ทำให้เกิดความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคนคิด ทั้งๆที่ไม่ว่าใครคิดก็ตามมันก็จะกลายเป็นความคิดของคนอื่นภายในทันที ที่คิดได้โดยการฟังอ่านหรือวิธีการผ่องถ่ายความคิดวิธีการใดๆก็ตาม เช่น ผมบอกว่า จะเอาลูกปิงปองออกจากท่อเอสล่อนที่ปักแนวตั้งไว้กับพื้นคอนกรีดได้อย่างไร แค่ผมพิมพ์ประโยคที่ว่า "ก็เอาน้ำเทเข้าไปซิเ้ท่านั้นเองปิงปองก็ออกมาแล้วนิ" พออ่านจบความคิดนี้ถูกผ่องถ่ายผ่าน text ที่ผมพิมพ์ไม่กี่เคาะเข้าไปที่หัวคุณคนอ่านแล้วเรียบร้อย ความคิดแนวคิดวิธีการ มันโอนถ่ายกันได้ง่ายมากหากว่าเรื่องราวมันไม่ได้ซับซ้อนมากนัก แต่ความทคิดดีๆเหล่านี้ มันช่วยขยับโลกเรามานักต่อนักแล้วให้โลกมันหมุนไปในแนวคิดที่ทุกคนบนโลกช่วนกันคิด (ทั้งหมดเป็นแบบที่ลอยออกมาเองทั้งนั้นไม่ได้มีกระบวนการอะไรที่ซับซ้อนหรือต้องเบ่งหรือต้องโขกสับอะไรออกมา) ย้อนกลับมาว่า ความคิดเป็นแค่นามธรรมและมันเป็นเรื่องดี ทำให้คนเราส่งเสริมการคิด ถ้า basic สุดก็ด้วยการชมกับซึ่งหน้าก็จะเป็นการกระตุ้นให้คนคิดต่อไปครับ และพวกบริหารๆmba นี่ก็ชอบให้คิดซะด้วยซิเพราะก็มันทำให้องค์กรเดินได้น่ะครับ แต่การชมนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ คนเราจะต้องมีัควา่มคิดเรื่องตัวกูของกู เอาไว้เป็นฐานและคิดครอบคลุมไปถึงเรื่องความคิดและความเชื่อด้วยน่ะครับ มันถึงจะใช้ได้ ซึ่งก็เป็นคนส่วนใหญ่บนโลกเรานี่หละครับ ผมว่า .. (ผมก็คิดเอาเองอีกน่ะหละ ใครจะไปทำ poll สำรวจเหรอครับว่า คุณมีความคิดเป็นของตัวเองเหรอป่าว?) ที่ซับซ้อนกว่านั้นก็จะเป็นการตอบแทนด้วยระบบรางวี่รางวัลฐานะทางอื่นก็สุดแล้วแต่จะคิดกันไป

มาดูอีกประเด็นก็คือความเชื่อ ที่ทำให้คนเราแม้อยู่บ้านเดียวกันก็ต้องมาทะเลาะกันเพราะคิดว่า นี่เป็นความเชื่อของกู ตัวกูของกูแนวเดียวกันเลย .. (คิดยังกะว่ามันเป็นของอย่างงั้นนะ่หละ ) แต่เนื่องด้วยการไหลของความเชื่อหรือความคิดมันไหลได้เร็วตามืที่ได้โม้เอาไว้ที่พารากราฟก่อนหน้า ทำให้คนคิดกว้างออกไปอีกว่า(แบบไม่รู้ตัว)ว่า เฮ้ย.. ต้องโน้มน้้าวให้คิดและเชื่อเหมือนเรา เพราะเค้าเหล่านั้นจะได้เชื่อว่า ความคิดความเชื่อนั้นเป็นของกูตัวกู (แหมพิมพ์ไปพิมพ์มาผมวา่ไม่ชอบคำว่ากูเท่าไหร่เพราะว่าผมเป็นคนผู้เพราะน่ะครับ เฮอะๆ แต่ว่านะ ให้มันดูรุนแรงหน่อย) แล้วก็พยายามเหมือนเกินที่จะป้องกันความเืืชื่อกรูๆ เอาไว้ .. (พิมพ์แบบนี้ดูน่ารักขึ้นหน่อย) โดยไม่ฟังความคิดความเชื่อของคนอื่นครับ เ้อ้อ ..ดีเนาะ ... เฮอะๆ สนุกเลย .. แต่ทีี่คิดไม่ออกว่า จะเชื่อจะคิดจะป้องกันไปแล้วมันให้ผลที่ไม่แตกต่่างกันเลยนี่ซิครับ มันยิ่งทำให้ึิคิดนึกต่อไปได้ว่า .. เอ .. แล้วเราจะเชื่อแบบนั้น หรือ คิดแบบนั้น ไปเพื่ออะไร ผมยกตัวอย่างชัดๆของกรณีที่ผมเจอมาเยอะมากตามสถานที่ๆผมมีชีวิตผ่านผัสสะอยู่ที่โลกมนุษย์นี้สังเกตการกระทำของชาวโลก (เหมือนกะว่าเราเป็นพวกต่างดาว) ก็เรื่องเหลืองๆแดงๆนี่หละครับ แดงๆ มีคนบอกว่ามันไม่ีดียังไงก็ไม่ฟัง เพราะยึดความเชื่อเอาไว้ แล้วก็ไม่ได้คิดว่ามันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ใดๆแตกต่างออกไปได้ หรือว่าพวกเหลืองที่ไปตบตีทะเลาะกันกับพวกเหลืองๆ ก็มันก็ไมไ่ด้ทำให้สถาการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอกครับ ที่แย่กว่านั้นการยึุดเชื่อความคิดความอ่านแบบทืี่เป็นแบบคิดเชื่อกรูๆอย่างว่า มันแพร่ลงไประดับรากหญ้า ทำให้สามีภรรยาอยู่ด้วยกันไม่ได้มองหน้ากันไม่ติด ครอบครัวพี่น้องต้องทะเลาะหมางใจ(แม้ว่าจะเล็กๆน้อยๆก็ตาม)ก็มี ทั้งๆนี้มันไม่ต้องออกแรงคิด ไม่ต้อวงกระดิกคิดแม้แต่สักแรมเดียวก็ได้ มันก็จะให้ผลออกมาเหมือนกันๆครับ เอาเป็นว่าถ้าสมองว่างอาจจะเสวนากับคนอื่นได้ก็ต้องคิดให้เหมือนคนอื่นร่วมคิดเข้ากระแส (อะไรก็ตามที่มันจะมีในอนาคต) ไม่ว่าคุณจะคิดเป็นกลางหรือฝักใ่ฝ่ฝ่ายใดก็ทำไปเถอะครับ เพราะมันก็ไม่ได้กระทบต่อผลลัพธ์อยู่แล้วเนาะ ... ว่ามะ .. ^_^

(ตอนที่พิมพ์อยู่บนทางด่วนขั้นสองหนา้ป้ายพรรคภูมิใจไทย .. เพิ่งเห็นตะกี้นี้เองมีป้ายด้วยเหรอ งง นั่งผ่านทุกที่ไม่ได้สังเกต สินแปดนาฬิกกาห้าสิบสองนาทีวันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนสองปีห้าสอง ที่ผมพิมพ์เป็นภาษาไทยหมดเพราะว่าผมมองแป้นตัวเองไม่เห็นน่ะครับ คัวเลขผมพิมพ์ไม่แม่นน่ะ .. มันไกลนิ้วไปหน่อย)

No comments: